จับตา“ตั้งผู้บริหารคลัง”ภารกิจด่วนรมว.คลังคนใหม่
จับตาการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลังภารกิจด่วนรมว.คลังคนใหม่ หลัง”ปลัดคลัง”และผู้บริหารระดับสูงจะเกษียณอายุหลายตำแหน่งในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ทำให้เกิดการโยกย้ายใหญ่ คาด 3 อธิบดีกรมจัดเก็บตัวเต็งชิงเก้าอี้
นอกจากตัวบุคคลที่จะมานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้แล้ว จะเป็นที่จับตาว่า จะเป็นใครนั้น ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังที่จะมีการโยกย้ายครั้งใหญ่ ก็ยังเป็นที่จับตาด้วยเช่นกัน เพราะผู้บริหารกระทรวงการคลังระดับสูง คือ ปลัดกระทรวงการคลังกฤษฎา จีนะวิจารณะ จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า คนที่จะมานั่งแท่นเก้าอี้ปลัดคลังคนใหม่จะเป็นใคร ทั้งยังจะเกิดการโยกย้ายใหญ่ผู้บริหารระดับสูงภายในกระทรวงการคลังและ รัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลอีกด้วย
แน่นอนว่า บุคคลที่จะเข้าชิงเก้าอี้ปลัดคลัง หนีไม่พ้นผู้บริหารระดับอธิบดีกรมต่างๆ โดยให้น้ำหนักไปยังกรมจัดเก็บรายได้ และ รายจ่าย เพราะถือว่า เป็นภารกิจหลักของกระทรวง ซึ่งในอดีต การพิจารณาจะดูตามคุณสมบัติที่เน้นไปความอาวุโสตามอายุราชการ หรือ ต้องผ่านงานบริหารหน่วยงานสำคัญ เป็นต้น
แต่ปัจจุบันการพิจารณาคัดเลือกควรให้น้ำหนักไปที่ความเหมาะสมหรือคนที่มีคุณสมบัติในการบริหารงานทั้งเศรษฐกิจมหภาคและรากหญ้า โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะเปราะบางจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย การออกมาตรการ และ การใช้จ่ายเงิน จะต้องมีความสมดุล โดยยึดกรอบความยั่งยืนทางการคลังเป็นหลัก
ที่สำคัญต้องสามารบริหารงานภายในกระทรวงและรัฐวิสาหกิจได้เป็นอย่างดี เพราะปลัดคลัง คือ ผู้ประสานงานสิบทิศ กล่าวคือ นอกจากจะต้องสามารถประสานงานนโยบายระหว่างข้าราชการการเมืองกับข้าราชการประจำในกระทรวงได้แล้ว ยังต้องประสานงานกับหน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งสภาพัฒน์ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ หน่วยงานอื่นๆ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจทั้งที่อยู่ในการกำกับดูแลและไม่ได้กำกับดูแล เพราะกระทรวงการคลังคือหน่วยงานหลักในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ
3 อธิบดีกรมจัดเก็บชิงเก้าอี้ปลัด
เมื่อเก้าอี้ปลัดคลังมีความสำคัญต่อการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ การคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่สุดจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนและสำคัญของว่าที่รัฐมนตรีว่าการคลังคนใหม่ โดยผู้บริหารระดับสูงในระดับตำแหน่งอธิบดีทั้งหมด ถือว่า มีคุณสมบัติอยู่ในข่ายที่จะได้รับคัดเลือก แต่ 3 อธิบดีกรมจัดเก็บรายได้ ทั้งกรมสรรพากร กรมศุลกากร และ กรมสรรพสามิต เป็นบุคคลที่อยู่ในขอบข่ายน่าจับตาที่จะถูกคัดเลือกมากที่สุด เพราะเป็นหน่วยงานสำคัญของกระทรวง โดยอธิบดีแต่ละคนก็มีดีกรีการศึกษา มีฝีมือในการทำงานและบริหารที่ดีไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หากจะให้น้ำหนัก ก็น่าจะต้องเป็นบุคคลที่ผ่านงานกรมจัดเก็บรายได้อันดับหนึ่งของรัฐบาล นั่นก็คือ กรมสรรพากร
“ลวรณ แสงสนิท”อธิบดีกรมสรรพากร ถือเป็นเต็งหนึ่งว่าที่ปลัดคลังคนใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นจากผู้รับผิดชอบโครงการคนละครึ่ง และมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในรัฐบาลชุดปัจจุบันทำให้เขาได้รับการโปรโมทจากผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังให้ไปนั่งในตำแหน่งอธิบดีสรรพสามิต และ กรมสรรพากรในปัจจุบัน ปัจจุบันเหลืออายุราชการ 4 ปีก่อนเกษียณ หากได้นั่งในตำแหน่งปลัดคลัง ก็ถือว่า เกษียณอายุราชการแบบสวยงาม
ส่วน”พชร อนันตศิลป์”อธิบดีกรมศุลกากร อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นลูกหม้อกรมบัญชีกลาง ที่มีความครบเครื่องทั้งด้านการบริหารงานและบริหารคนในองค์กร ทำให้เป็นที่ยอมรับจากคนในองค์กร และ”เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ”อธิบดีกรมสรรพสามิต ที่มีดีกรีเป็นดอกเตอร์ผ่านงานวิชาการในระดับผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ ต่อด้วยอธิบดีกรมสรรพากร ถือว่า ยังเป็นรายชื่อที่อยู่ในโผทั้งสองคน แต่ทั้งสองคนยังเหลืออายุราชการอีกราว 8-9 ปี จึงมองว่า ยังไม่รีบ หากให้”ลวรณ”ไปนั่งในตำแหน่งปลัดคลังก่อน
ทั้งนี้ เมื่อมีการแต่งตั้งปลัดคลังคนใหม่จากกรมจัดเก็บแล้ว ก็จะต้องมีการแต่งตั้งบุคคลไปแทนตำแหน่งที่ว่างลง บุคคลที่อยู่ในข่ายได้รับการโปรโมท คือ “แพตริเซีย มงคลวนิช”ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งนั่งในเก้าอี้นี้นานถึง 3 ปีแล้ว
โยกย้ายใหญ่แทนผู้บริหารเกษียณ
นอกจากนี้ ในปีงบประมาณนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังอีกหลายคนที่จะเกษียณอายุราชการด้วย ดังนั้น จึงไม่ได้มีเพียงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังและคนที่จะมาทดแทนเท่านั้น แต่ยังต้องแต่งตั้งบุคคลเข้าไปทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการอีกด้วย จึงถือเป็นการโยกย้ายใหญ่ โดยบุคคลที่จะเกษียณ อาทิ นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข รองปลัดกระทรวงการคลัง นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์รองปลัดกระทรวง นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง นางชลิดา พันธ์กระวี ผู้ตรวจราชการกระทรวง นายเอด วิบูลย์เจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวง และนางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
สำหรับการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลที่น่าจับตาขณะนี้ คือ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต. ซึ่งที่ผ่านมา ได้เข้าสู่กระบวนการสรรหาเรียบร้อยแล้ว มีรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกส่งมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบันได้ตัดสินใจรอบสุดท้าย แต่ก็ยังไม่มีการเสนอชื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ทำให้การสรรหาเลขาธิการก.ล.ต.ยังแล้วเสร็จ รอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่มาเคาะ
นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งประธานและกรรมการในรัฐวิสาหกิจที่เรียกได้ว่า เป็นการถ่ายเลือดบอร์ดในรัฐวิสาหกิจทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยรัฐวิสาหกิจที่ถือเป็นเกรดเอที่กระทรวงการเป็นผู้ถือหุ้นถือเป็นที่ต้องการของผู้บริหารระดับสูง เพราะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า อาทิ ธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์เปอเรชัน จำกัด(มหาชน)