แบงก์ชาติรัสเซียประชุมด่วนวันนี้ หลังเงินรูเบิลอ่อนค่าหนัก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์(14 ส.ค.) ว่า ธนาคารกลางรัสเซียจะเรียกประชุมด่วนในวันนี้ (15 ส.ค.) หลังจากที่เงินรูเบิลร่วงทะลุระดับ 100 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
ธนาคารกลางฯ ระบุว่า หลังจบการประชุมแล้ว ธนาคารฯ จะแถลงมติเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (14:30 น. ตามเวลาไทย)
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางรัสเซีย ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 8.5% เมื่อเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางฯ ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นการฉุกเฉินสู่ระดับ 20% ภายหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนก.พ. 2565
ภายหลังประกาศดังกล่าว มูลค่าของรูเบิลแข็งค่าขึ้น 0.8% สู่ระดับ 98.5975 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 17:36 น. ตามเวลาท้องถิ่น (21:36 น. ตามเวลาไทย) โดยก่อนหน้านี้ รูเบิลอ่อนค่าทะลุระดับ 101 รูเบิลต่อดอลลาร์ และได้อ่อนค่าลงแล้วประมาณ 27% ในปีนี้ ถือเป็นสกุลเงินที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดเป็นอันดับสามในตลาดเกิดใหม่
การเรียกประชุมด่วนของธนาคารกลางมีขึ้นหลังจากที่นายมักซิม โอเรชกิน ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เขียนบทความพิเศษลงสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย โดยวิจารณ์ว่า สาเหตุที่เงินรูเบิลอ่อนค่าหนักเป็นเพราะนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางรัสเซีย
"สาเหตุหลักของการอ่อนค่าของเงินรูเบิลและอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นคือนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ธนาคารกลางมีทุกเครื่องมือที่จำเป็นต่อการแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่สภาพปกติในอนาคตอันใกล้ และรับประกันว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม" นายโอเรชกินระบุ
"เงินรูเบิลที่อ่อนค่าทำให้การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจมีความซับซ้อนขึ้นและส่งผลเสียต่อรายได้ที่แท้จริงของประชากร เงินรูเบิลที่แข็งแกร่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจรัสเซียมากกว่า"
ก่อนออกประกาศเรียกประชุมด่วน ธนาคารกลางรัสเซียกล่าวว่า การอ่อนค่ารุนแรงของเงินรูเบิลในปีนี้เป็นเพราะยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของรัสเซียหดตัว 85% ในเดือนม.ค.-ก.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ทางธนาคารฯ ไม่เห็นความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินจากการอ่อนค่าของเงินรูเบิล
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางรัสเซียพยายามหยุดยั้งการอ่อนค่าดังกล่าวโดยระบุว่าจะไม่ซื้อสกุลเงินต่างประเทศใด ๆ ในตลาดภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2566 แต่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค มองว่ามาตรการดังกล่าว "ล้มเหลวในการรักษาเสถียรภาพของสกุลเงิน" พร้อมคาดว่า ธนาคารกลางฯ จะปรับเพิ่มดอกเบี้ยสู่ระดับ 10% ก่อนสิ้นปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 9%