เปิดตัวเลขเศรษฐกิจจีน - ยุโรป อ่อนแอ หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
ตัวเลขเศรษฐกิจจีน - ยุโรป อ่อนแอ หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย Bloomberg คาด จีนอาจไม่สามารถแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลกได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยเศรษฐกิจจีนจะเติบโตลดลงสู่ระดับ 3.5% ในปี 2573
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การประกาศตัวเลข PMI 3 ประเทศ ซึ่งลดลงจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าคาดทั้งสิ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับ 46.7 จุดในเดือนส.ค.66 (ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า และตลาดคาด) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนี ร่วงลงสู่ระดับ 44.6 จุดในเดือนส.ค.66(ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า และตลาดคาด)
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ร่วงลงสู่ระดับ 51.8จุด ในเดือนส.ค.66(ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า และตลาดคาด) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
โดยภาวะดังกล่าว บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีน และยุโรป มีความอ่อนแอสูง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจจะยังไม่สามารถผลักดันการบริโภคในประเทศได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ข้อมูลจากทาง Bloomberg คาดการณ์ว่า จีนอาจไม่สามารถแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลกได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตลดลงสู่ระดับ 3.5% ในปี 2573 และคาดว่าจะลดลงเรื่อยๆ แตะระดับ 1% ในปี 2593 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4.3% และ 1.6% ตามลำดับ
ด้วยประเด็นดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกังวล และโยกย้ายเม็ดเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น สะท้อนจากวานนี้ Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้น 0.5% สู่ระดับ 104.81 จุด และส่งผลให้ตลาดคาดว่าวงจรการขึ้นดอกเบี้ยของ FED สิ้นสุดลงแล้ว สะท้อนจาก FED watch tool ให้น้ำหนักสูงถึง 95% ที่ Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.50% ในเดือนนี้ ขณะที่มีโอกาสสูงที่จะเห็นการทยอยปรับลดดอกเบี้ยตั้งแต่ต้นปี 2567
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีน และยุโรป แสดงความอ่อนแอในเชิงเศรษฐกิจภาคบริการ และอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดคาดว่าการประชุม FED ในเดือนนี้มีโอกาสสูงถึง 95% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม และทยอยปรับลดดอกเบี้ยช่วงต้นปีหน้า ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า SET Index ช่วงสั้นมีโอกาสแกว่งทรงตัวในกรอบแคบ โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่กรอบ 1540-1555 จุด