เบื้องหลัง! จับไทย-จีน 26 ราย อ้างร้านทอง AURORA หลอกลงทุนทองคำ 1,200 ล้าน
อัปเดตเปิดเบื้องหลัง! ตำรวจจับคนไทย-คนจีน 26 ราย แอบอ้างร้านทอง AURORA หลอกลงทุนทองคำ 1,200 ล้านบาท เผยหลอกลวงผลตอบแทนสูง 20-30%
ข่าวด่วน ตำรวจสอบสวนกลาง CIB รวบแก๊งปลอมเพจร้านทองชื่อดัง เงินหมุนเวียนพันล้าน แถลงวันนี้เมื่อเวลา 11.00 น.
สรุปดังนี้
1. คดีนี้กลุ่มมิจฉาชีพ ทำเพจปลอม โดยใช้ โลโก้ ของห้างทอง AURORA
2. หลอกให้ผู้เสียหายลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนสูง 20-30%
3. ต่อมาทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้สืบสวน จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ รวม 26 ราย มีทั้งคนจีนและคนไทย
4. พบเงินหมุนเวียนกว่านับพันล้าน หรือราว 1,200 ล้านบาท
อัปเดต แก๊งหลอกเทรดหุ้นร้านทอง พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้าน
วันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. , พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. , พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ปฏิบัติราชการ รอง ผบก.ปอศ. , พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. , พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “CIB Anti Online Scam : ขุดรากแก๊งปลอมเพจ หลอกชวนเทรดหุ้น” หลังนำกำลังเข้าตรวจค้น 21 จุดเป้าหมาย ในพื้นที่ 8 จังหวัด
สามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวน 26 ราย ในจำนวนนี้มี 4 ราย ที่ทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ หรือ จัดอยู่ในระดับหัวหน้า
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับรูปแบบแผนประทุษกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้ จะทำการปลอมเพจเฟซบุ๊กร้านทองออโรร่า ขึ้นมา ก่อนโพสต์ชักชวน ผู้คนให้นำเงินมาร่วมลงทุนเทรดหุ้น อ้างกำไรร้อยละ 20-30 ของเงินลงทุน ซึ่งแท้จริงแล้วผลกำไรต่างๆ เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่สร้างขึ้นมา เพื่อดึงดูดใจจากเหยื่อ แต่ไม่สามารถถอนออกมาเป็นตัวเงินได้
หากใครจะถอนเงิน กลุ่มคนร้ายก็จะอ้างเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมา เช่น ต้องเสียภาษี ต้องวางการันตรี หรือ เงื่อนไขอื่นๆ มากมาย จนทำให้เหยื่อไม่สามารถถอนเงินได้ ก่อนจะตัดขาดการติดต่อ หรือ เชิดเงินทั้งหมดหนีไป ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
เปิดเบื้องหลังและการจับกุมหลอกเทรดหุ้นร้านทอง
หลังทราบเรื่อง จึงสั่งการให้ ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. จัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบ จนทราบตัวกลุ่มคนร้าย ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 50 ราย นำมาสู่การเปิดปฏิบัติการดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 26 ราย ในจำนวนนี้มีหัวหน้าแก๊งหรือผู้ต้องหาระดับสั่งการ 4 ราย เป็นชาวจีน
พร้อมตรวจยึดเงินในบัญชีคริปโตจำนวน 28 ล้าน สมุดบัญชีธนาคาร ซิมการ์ด คอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการกระทำผิดหลายรายการ นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินขบวนการดังกล่าว
พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขยายผล เพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับการฟอกเงินอีก 1 คดี
พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน อาทิ คนจัดหาซื้อเพจ คนโพสต์ข้อความชักชวน คนติดต่อพูดคุยกับเหยื่อ คนสอนเทรดหุ้น บัญชีม้า คนแปลงทรัพย์สิน โดยมีนายทุนชาวจีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ว่าจ้างคนไทยเป็นนอมินีเปิดบริษัทขึ้นมาบังหน้า 3 บริษัท
เส้นทางการเงิน
จากแนวทางสืบสวนพบว่า เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุน เงินของเหยื่อจะถูกโอนไปยังบัญชีม้าคนไทย ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 แถว ก่อนจะถูกโอนต่อเข้าสู่บัญชีม้าแถวที่ 4 เป็นบัญชีคนต่างชาติ เพื่อรวบรวมเงิน แล้วนำไปแปลงเป็นทรัพย์สินต่างๆ 3 รูปแบบ
1. สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศแล้วส่งไปที่ ประเทศกัมพูชา ลาว เพื่อขายกลับมาเป็นเงินสด
2. แปลงเป็นเงินสกุลดิจิตอลคริปโต
3. การแปลงเป็นอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
โดยมีบริษัทนอมินีทั้ง 3 แห่ง คอยบริหารจัดการ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบไม่มีการดำเนินกิจการอยู่จริง แต่กลับมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดจำนวน 26 คนที่จับกุมตัวได้นั้น จากการสอบสวนเบื้องต้น มีบางส่วนให้การภาคเสธ และ บางส่วนยังคงให้การปฏิเสธ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ปกติแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีฐานที่ตั้งอยู่ในแถบประเทศเพื่อนบ้าน เพราะแผนประทุษกรรมหลอกลวงเงินจะเน้นการใช้โทรศัพท์เป็นหลัก ต่างจากแก๊งนี้ที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในไทย เพราะไม่ได้ใช้โทรศัพท์ ส่วนผู้ต้องหาระดับบอสทั้ง 4 รายที่จับกุมตัวได้นั้น
เราได้สืบสวนเฝ้าติดตามมาโดยตลอด ทราบว่าไปมาเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง จึงรอจังหวะที่เจ้าตัวกลับเข้ามาในประเทศไทยแล้วรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาบออกหมายจับจนจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ผบช.ก. กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหาคนไทยที่อยู่ร่วมในขบวนการดังกล่าวส่วนใหญ่ จะเป็นบัญชีม้า เลขา และ นอมินีกรรมการบริษัทต่างๆ
พร้อมกันนี้ยังเตรียมขยายผล ตรวจสอบกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ของบริษัทนอมินีทั้ง 3 แห่งเหล่านี้ด้วย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
นอกจากนี้อยากฝากทิ้งท้ายไปถึงประชาชนทั่วไปที่มีความคิดอยากหาธุรกิจลงทุนต่อยอด ว่าการลงทุนที่จะได้ผลกำไร หรือผลตอบแทนสูง ลักษณะนี้ไม่มีอยู่จริงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการลงทุนทุกอย่างต้องใช้วิจารณญาณคิดไตร่ตรองให้ดี อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ