‘มหาธีร์’ อดีตนายกฯ ช่วง ‘ต้มยำกุ้ง’ แนะควรตรึงริงกิตกับดอลลาร์ หลังค่าเงินอ่อนหนัก
มหาธีร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของมาเลเซีย ในช่วงเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในประเทศไทย และวิกฤติการเงินเอเชีย แนะรัฐบาลควรตรึงค่าเงินริงกิตไว้กับดอลลาร์หลังค่าเงินอ่อนหนัก ด้านธนาคารกลางมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (2 พ.ย.66) ว่าธนาคารกลางของมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia ) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในวันนี้เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินที่ลดลง ความไม่แน่นอนทั่วโลก ความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ การต่อต้านทางการเมือง รวมทั้งภาระต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่ารุนแรง
โดยบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก ประเมินว่า ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยต้นทุนการกู้ยืมได้รับการปรับขึ้นเพียงครั้งเดียวในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางคำนึงถึงผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการแพร่ระบาดที่ 1.25%
“เราเห็นธนาคารกลางเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม” นักเศรษฐศาสตร์จาก United Overseas Bank กล่าวในบันทึกแบบย่อ
พร้อมเสริมว่า อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไตรมาสจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อช่องว่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) ของมาเลเซียกับสหรัฐ โดยธนาคารกลางอยู่ในช่วงจับตาดูความไม่แน่นอนทั่วโลกและสัญญาณอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนตัวลงอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน มหาธีร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของมาเลเซียในช่วงเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในประเทศไทย และมหาวิกฤตการณ์ ทางการเงินของเอเชีย ชี้ว่าจากค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนได้ชื่อว่าเป็นสกุลเงิน “ยอดแย่” ในปีนี้ ดังนั้นรัฐบาลมาเลเซียควรพิจารณาเพ็ก (Peg) ค่าเงินไว้กับสกุลเงินดอลลาร์ เพราะมีโอกาสจะร่วงลงสู่จุดต่ำสุดใหม่ที่ 5 หน่วยต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ มหาธีร์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 98 ปี กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า ค่าเงินอาจร่วงลงอีก 5% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5 ต่อดอลลาร์ “ลองจินตนาการดูว่าหากถึงตอนนั้นค่าครองชีพของคุณจะสูงขนาดไหน” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าการตรึงค่าเงินจะช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านราคาได้
อ้างอิง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
