ค่าเงินบาทวันนี้ 10 พ.ย.66 ‘อ่อนค่า’ เหตุเฟดยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ
ค่าเงินบาทวันนี้ 10 พ.ย. 66 เปิดตลาด “อ่อนค่า”ที่ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ “กรุงไทย” ชี้เงินบาทอ่อนค่าตามการแข็งค่าขึ้นขอเงินดอลลาร์ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด ยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ กังวลคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 35.60-35.90 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดเช้านี้ ที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.59 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.60-35.90 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า "ค่าเงินบาท"เคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.50-35.84 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดได้สะท้อนว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ หากเฟดกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและไม่มั่นใจว่าจะคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่า เฟดยังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อ หากจำเป็น เพื่อคุมเงินเฟ้อให้สำเร็จ ซึ่งส่งผลให้ เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน (แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจออกมาแย่กว่าคาดบ้างก็ตาม)
ดังนั้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ (ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งจะรับรู้ในช่วงราว 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจยังคงหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ได้ ทั้งนี้ เรามองว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่ยังฝืนแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดที่เข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับฐานก่อนหน้า เริ่มทยอยขายทำกำไรมากขึ้น และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าว ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง
อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจเผชิญความผันผวนและแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ หากนักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะในฝั่งหุ้น ที่ยังไม่เห็นการกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งบอนด์ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายบอนด์ได้บ้าง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เริ่มมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและสถานการณ์สงคราม ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิOption เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ยังคงส่งสัญญาณว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าสามารถคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ โดยภาพดังกล่าว กอปรกับผลการประมูลบอนด์สหรัฐฯ ที่ออกมาน่าผิดหวัง ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.65% ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวลดลง ทำให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.81%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อ +0.84% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในระยะนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดบ้าง อาทิ Adyen +38%, Astrazeneca +2.6% นอกจากนี้ บรรดา หุ้นสไตล์Growth และ หุ้นกลุ่มเทคฯ ยังปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด
ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่สะท้อนว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าสามารถคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ รวมถึงผลการประมูลบอนด์ 30 ปี สหรัฐฯ ที่ออกมาน่าผิดหวัง ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.65% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์อาจปรับตัวขึ้นได้บ้าง ซึ่งต้องรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรอาศัยจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง จากรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ออกมาแย่กว่าคาด ทว่าเงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นตามถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ย้ำว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105.9 จุด (กรอบ 105.3-106 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และจังหวะการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ในช่วงรับรู้รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้น กลับสู่โซน 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็ถูกจำกัดไว้ โดยถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ยังส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ย หากจำเป็น
สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอังกฤษ(GDP Growth) ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยหากเศรษฐกิจอังกฤษ หดตัวลงมากขึ้นราว -0.1% จากไตรมาสก่อนหน้าตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หรือ แย่กว่านั้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ และอาจส่งผลให้เงินปอนด์อังกฤษเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าลงได้บ้าง
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนพฤศจิกายน โดยประเด็นสำคัญ อาจอยู่ที่มุมมองของผู้บริโภคต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นต่อ หรือ ปรับตัวลดลง ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจของเฟดต่อการดำเนินนโยบายการเงินได้บ้าง
และอีกไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟด และ ECB โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ถ้อยแถลงดังกล่าว เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของทั้ง เฟด และ ECB