‘กูรู’แนะถือทองข้ามปี67 ลุ้นดอกเบี้ยลดเร็ว หนุนราคาพุ่ง
ในปี 2566 ราคาทองคำ Spot ปรับตัวขึ้นร้อนแรง กว่า 12.57% จากช่วงต้นปีนี้เปิดตลาด ที่ระดับ 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
เนื่องมาจากตลาดคลายความกังวลมาตรการดอกเบี้ยของ "ธนาคารกลางสหรัฐ" (เฟด) ที่ผลการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา คงดอกเบี้ย 2 ครั้งติด หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้ง นับตั้งแต่ที่เริ่มเข้าสู่นโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนมี.ค. 2565
ด้วยเหตุนี้ ราคาทองคำ จึงปรับตัวขึ้นรวดเร็ว และหลังจากนั้นราคาทองคำปรับตัวลดลงมาบ้างจาก “แรงขายทำกำไร” แต่ความต้องการ (ดีมานด์) ซื้อทองคำยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ช่วยหนุนราคาทองคำยังยืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์มาได้
ณ 25 ธ.ค. 2566 เวลา 15.00 น. สมาคมค้าทองคำ รายงาน ราคาทองวันนี้ ปรับตัวขึ้นเพียง 1 ครั้ง ยังบวก 50 บาท ราคาทองคำแท่งขายออกบาทละ 33,700 บาท และราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 34,200 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 34,300 บาท และราคาทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 33,094.28 บาท
ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 2,053.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์
ยังแสดงถึง “สัญญาณที่ดี” จากปัจจัยล่าสุด เงินเฟ้อสหรัฐที่ลดลงต่อเนื่อง จึงสนับสนุนแนวโน้มที่ตลาดคาดว่าเฟดลดดออกเบี้ยปีหน้า
ดังนั้น เมื่อดอกเบี้ยของเฟดเข้าสู่ทิศทางขาลง “ราคาทองคำ ปี 2567” ก็น่าจะกลับมามีแนวโน้มที่สดใส “นพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ยังคงมีมุมมอง ทิศทางเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าคาดการณ์ช่วงก่อนหน้า เป็นช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 และช่วงนั้น "ราคาทองคำ" จะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้ง มองระดับ 2,144 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ยังเป็นจุดที่ต้องรอการทดสอบอีกครั้ง และให้แนวรับ 2,031-2,045 ดอลลาร์ต่อออนซ์
พร้อมแนะนักลงทุนไม่ไล่ราคา ให้รอจังหวะซื้อเก็งกำไร หากราคาทองคําสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้ อาจมีแรงซื้อเพื่อทํากําไรระยะสั้นเข้ามาดันให้ราคาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
"กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ" ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ หรือ "แม่ทองสุก" มองภาพรวมของราคาทองไทยในต้นปี 2567 คาดการณ์จะเริ่มต้นที่ระดับ 33,700 บาท และคาดว่ามีโอกาสขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 35,000 บาทได้เป็นอย่างน้อย
ขณะที่ ในปีนี้ราคาทองไทยปรับตัวขึ้นไม่น้อยกว่า 13% และราคาทองตลาดโลกปรับตัวขึ้นประมาณ 11% คาดในสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ราคาทองคําอาจจะไม่มีการเคลื่อนไหวเนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส
โดยภายในสิ้นปีนี้อาจจะได้เห็นราคาทองตลาดโลกปิดที่ระดับ 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และในปีหน้ามองว่าราคาทองตลาดโลกอาจมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 2,300-2,500ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งภาพหลักของราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาขึ้นและเป็นสินทรัพย์ที่น่าจะลงทุนได้ระยะยาวในปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนติดตามตลาด หาจังหวะเข้าซื้อตามแนวรับเมื่อราคาอ่อนตัว และทยอยขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นทาง
ด้านรายงานข่าวจากเว็บไซต์ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทองคำจะเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในช่วงต้นปี2567 หากนักลงทุนถือทองคำไว้ ยังสามารถ "ถือต่อได้ข้ามปี" เพราะต้นปีหน้า คาดว่า “ราคาทองคำจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง”
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในปีหน้า ราคาทองคำยังมีแรงบวก ได้แก่ เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีหน้า ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส รัสเซีย-ยูเครน ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรอง
โดยเฉพาะ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในเดือน ม.ค.2567 แรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้าง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบเป็นความเสี่ยงกดดันราคาทองคำ เช่นกัน ได้แก่ แรงซื้อทองคำจากจีนอาจจะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลง จากแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง อีกทั้งปีหน้าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องติดตามที่อาจส่งผลต่อเกมโลกที่อาจเปลี่ยนไป
แม้ว่าเข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนของปีนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจให้ติดตามและตลาดมักไม่มีวอลุ่มมากนัก ต้องรอลุ้นกันอีกทีหลังเปิดปีใหม่ 2567 จะเป็นปีมังกรทองได้ดังใจปรารถนาของนักลงทุนหรือไม่ !