มอร์นิ่งสตาร์ มอง "ความเสี่ยง-โอกาส" ลงทุนใน Value Stocks ทั่วโลก
ในปี 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกปีที่แย่ สำหรับ "หุ้น Value" แม้อัตราดอกเบี้ย ยังคงปรับขึ้นก็ตาม เพราะการเกิด "วิกฤติแบงก์สหรัฐฯ" ส่งผลให้ "หุ้นการเงิน" มีน้ำหนักที่สูงมากในกลุ่ม Value ปรับตัวลดลง
ในปีทีผ่านมานี้กลุ่ม หุ้น Magnificent Seven หรือ หุ้น 7ตัว ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นแทน ซึ่งเป็นผลมาจากกระแส AI ที่นักลงทุนต่างให้ความสำคัญ แทนหุ้นกลุ่มแบงก์ ที่ปรับตัวลดลง จากความกังวลด้านความเสี่ยงเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ย
"โอกาส" ลงทุน หุ้น Value ในปี 67
รายงานการวิเคราะห์ของ Morningstar Direct ภายใต้ หุ้นกว่า 700 บริษัทในกลุ่ม Value พบว่า ปัจจุบันมีราคาตลาดที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน หรือมีอัตราส่วนของราคาซื้อขายปัจจุบันเทียบกับมูลค่าพื้นฐานอยู่ต่ำกว่า 1 เท่า
"Dave Sekera" หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดสหรัฐที่ Morningstar กล่าวว่า หุ้น Value นั้นๆ อยู่ในภาวะที่เรียกว่า Undervalued อย่างมาก โดยเฉพาะหุ้น Value ขนาดเล็กที่มีราคาซื้อขายปัจจุบันเทียบกับมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่เพียง 0.84%
" หุ้น Value โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอย่างมาก จึงเชื่อว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนหุ้น Value" Dave Seker กล่าว
ขณะที่ การลงทุนในหุ้นที่ซื้อขายในระดับที่แพงอย่าง Magnificent Seven มีความน่าสนใจลดลงเนื่องจากภาวะดอกเบี้ยหรือต้นทุนของเงินทุนไม่ได้อยู่ในระดับต่ำอีกต่อไป นักลงทุนจึงลังเลที่จะจ่ายเงินเพื่อลงทุนในหุ้นที่ซื้อขายแพงอีกต่อไป
"ความเสี่ยง"ลงทุน หุ้น Value ในปี 67
ดังนั้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนใน Value stocks จากนี้ไปขึ้นอยู่กับ "อัตราดอกเบี้ย" และ "ภาวะเศรษฐกิจ"
เมื่อเฟดส่งสัญญาณว่าจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง "ตลาดตราสารหนี้" ก็ส่งสัญญาณถึงการคาดการณ์ว่าจะเกิดการลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในช่วงเดือนมี.ค.
ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเฟด จะตัดสินใจอย่างไร และถ้าเงื่อนไขทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงก็อาจส่งผลให้การคาดการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
หาก "อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมากกว่า" ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก็อาจกลายเป็น "ปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth " แทน
ในทางกลับกันหาก "อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงน้อยกว่า"ที่ตลาดคาดกาณ์หรือชะลอก็จะเป็น "ปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่ม Value " นั่นเอง
จุดสังเกต กลยุทธ์ลงทุน
Value stocks กลุ่มการเงิน
"Jeff Buchbinder" หัวหน้ากลยุทธ์ตราสารทุนที่ LPL Financial กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา
"แต่เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะยังไม่ได้ดีขึ้นมาก จนเป็นปัจจัยบวกต่อ Value stocks ได้ และหากทิศทางอัตราดอกเบี้ยกลับมาอยู่ในระดับปกติก็จะเป็นสัญญาณบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงินได้ด้วย " Jeff Buchbinder กล่าว
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่อัตราเติบโตของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างช้าๆ เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการลงทุนใน หุ้น Defensive อย่างกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่ม Consumer stables แต่ก็จะไม่ดีสำหรับหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงาน
แต่หาก อัตราดอกเบี้ยจะลดต่ำลง เชื่อว่า จะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในหุ้น Growth มากกว่า
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่ม Value มักจะหมายถึงบริษัทที่ดีมีกำไรที่มั่นคง มีโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ชอบจ่ายปันผลเนื่องจากมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และราคาหุ้นซื้อขายอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง อย่างเช่น กลุ่มธนาคาร เฮลแคร์ และอุตสาหกรรม
ตั้งแต่เปิดศักราชปีมังกรจนถึงตอนนี้ ราคากลุ่ม Value Stocks ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาก ขณะที่หุ้นกลุ่ม Growth ปรับลดลง 1.8% ดังนั้น ในปีนี้มีโอกาสที่อาจได้เห็น Value Stocks กลับมาฟื้นตัวได้ดี