“สามัคคีในประเทศ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นฟู”

ปีนี้อาจจะเป็นปีที่ประเทศต่างๆต้องพิสูจน์ตนเองว่า พร้อมที่จะปรับตัวได้ทันสถานการณ์เพียงใด เงื่อนไขกติกาและจุดแข็งของแต่ละประเทศนั้น อาจมีบางส่วนที่นำมาใช้ได้ต่อไปเช่นเดิม แต่บางประเทศอาจจะต้องกลับมาพิจารณาทบทวนให้แน่ใจว่า ทิศทางที่กำลังเดินไปนั้นควรจะปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง หรือไม่

การเมืองไทยมีประเด็นใหญ่หลายอย่างที่ต่างประเทศกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด รัฐบาลผสมชุดปัจจุบันแสดงความขยันเปิดตัวเปิดตลาด ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการชักชวนการลงทุนใหญ่เข้ามาในประเทศ

และผลักดันการส่งออกควบคู่กับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสองตัวเอกในการสร้างรายได้

รัฐบาลไทยชุดนี้มีบุคลิกของการเป็นนักธุรกิจระดับสากล ใช้ภาษาคล่องแคล่ว และถนัดในการเดินทางไปต่างประเทศ พบปะกับผู้นำด้านธุรกิจต่างๆ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ดีกว่ารัฐบาลกลุ่มอนุรักษ์นิยมชุดที่แล้ว โครงการเรือธงกำลังได้รับความสนใจพอสมควร

แต่ขณะเดียวกันข่าวเรื่องความเสี่ยงของอนาคตพรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยม อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเรื่องการลงทุนในไทย หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น ถึงขั้นยุบพรรคการเมือง หรือตัดสิทธิ์การดำรงตำแหน่งทางการเมือง ของระดับผู้นำหลายคนที่สังคมชื่นชอบและศรัทธา อาจถูกต่างประเทศมองว่า เป็นการใช้อำนาจปิดกั้นการพัฒนาประชาธิปไตย

ปฏิกิริยาในเวทีการประชุมสำคัญต่างๆในโลกอาจจะเปลี่ยนไป จากการที่ต้อนรับด้วยความเต็มใจว่าไทยกำลังจะเดินหน้า กลายเป็นการตำหนิว่าไทยถอยหลัง

ตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาแสดงความเข้มแข็งตั้งแต่ปีที่แล้ว มาจนจนถึงปลายเดือนมกราคม (S&P 500 +3.25%) ตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลกให้ผลตอบแทนในทางบวก ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในจีนและในไทยยังต้องดิ้นรนอีกมาก ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเศรษฐกิจจีนทรุดจริง และจีนอาจจะไม่สามารถเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจให้ประเทศทั้งหลายใช้เป็นที่พึ่ง อย่างที่เคยคาดหวังไว้ โครงการที่บริษัทใหญ่ในจีนประกาศจะมาลงทุนในไทยนั้น อาจมีผลกระทบสะท้อนความเป็นจริงที่จีนกำลังเจอวิกฤติขณะนี้

ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่กักตุนทองคำโดยเอกชนและภาครัฐ ผู้นำหลายประเทศแข่งกันออกเดินสายชวนนักลงทุนเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศตนเอง การยกเลิกวีซ่า พยายามดึงทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพเข้ามาอาศัยและทำงานในประเทศ การใช้นักการทูตเป็นนักธุรกิจเปิดตลาดสินค้า บริการและการลงทุน ฯลฯ

ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีผลกระทบโดยตรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแทบทุกระดับ หากประธานาธิบดีไบเดนสามารถจะรักษาตำแหน่งไว้ได้อีกสมัย นโยบายของสหรัฐก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่หากผลพลิกกลายเป็นอดีตประธานาธิบดีทรัมป์หวนกลับมาในตำแหน่งอีกครั้ง หลายด้านคงจะโกลาหล เนื่องจากฝ่ายขวาในอเมริกาต้องการรื้อระบบ จะเป็นคลื่นอนุรักษ์นิยมชาตินิยม ต่อต้านคนเข้าเมือง ฯลฯ กระทบไปแทบทุกมุมโลก

มหาอำนาจอันดับสองคือจีนต้องปรับตัวตลอดเวลา เพราะสัญญาณที่ส่งจากอเมริกาและประเทศพันธมิตรเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อการอยู่รอดและการแข่งขันของจีนโดยตรง สี่ทศวรรษที่ผ่านมาจีนได้เป็นตัวอย่างของการก้าวกระโดดมหัศจรรย์ พลิกผันจากประเทศที่ยากจนขาดแคลนแทบทุกด้าน กลายเป็นผู้นำระดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมสำคัญหลายอย่าง

ผู้เชี่ยวชาญการเมืองหลายกลุ่มเชื่อว่า ปีค.ศ. 2027 เป็นเป้าหมายที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องรวมไต้หวันเข้ามาอยู่ในระบบเดียวให้ได้ และความตั้งใจนี้เป็นสิ่งที่ผู้นำจีนในปัจจุบันจะต้องทำให้สำเร็จ แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาเมื่อเดือนที่แล้วในไต้หวันดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคต่อจีน เนื่องจากประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมนี้ จะสืบทอดนโยบายของรัฐบาลไต้หวันชุดปัจจุบัน และอาจจะเป็นไปได้ว่าจะเพิ่มความสัมพันธ์กับทางตะวันตกโดยเฉพาะอเมริกา เพื่อให้ไต้หวันอยู่เป็นอิสระปกครองตนเองอย่างนี้ต่อไป และมีข่าวลือว่าอาจจะถึงขั้นประกาศเอกราชแยกออกจากจีนเป็นทางการ

การที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้พัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธ และมีแนวโน้มที่จะเป็นสองประเทศที่ส่งออกอาวุธปกรณ์ป้อนตลาดโลก ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี จากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีดความสามารถด้านไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ ทำให้อุณหภูมิการเมืองของเอเชียตะวันออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อินเดียได้รับความสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและประชาคมยุโรป ให้พัฒนาโครงการพื้นฐานหลายด้านพร้อมๆกันและมีการกระตุ้นต่างๆมากมาย ทั้งการเงินและผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งการเปิดตลาดให้สินค้าจากอินเดียเข้าสู่สหรัฐอเมริกาและยุโรป ต่างๆ เหล่านี้ทำให้คาดคะเนว่าการเจริญเติบโตของอินเดียจะคล้ายกับสี่ทศวรรษแห่งประวัติศาสตร์ของจีนก็ได้สถาบันการเงินใหญ่ของโลกประเมินว่าจีดีพีของอินเดียจะโตขึ้นอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ (ที่ 7%)

เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งจีนและอินเดียมีบทบาทโดยตรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยการส่งกองทัพเรือไปรักษาความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายต่อการเดินเรือสินค้าในทะเลแดง ซึ่งเกิดจากการโจมตีหรือการบุกยึดเรือของกองกำลังฮูติจากเยเมน สหรัฐ และพันธมิตรในยุโรปออกปฏิบัติการในทะเลแดงเช่นกัน เพื่อรักษาความมั่นคงและการเป็นผู้นำของระเบียบโลก และอิหร่านกลายเป็นตัวละครที่อยู่เบื้องหลังในหลายกรณีในสายตาของตะวันตก

สองสงครามที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือยูเครนและกาซ่า

ผู้นำทางตะวันตกวิเคราะห์ว่า รัสเซียอยู่ในภาวะที่จะต้องเจรจาหาทางออกเพื่อหยุดปฏิบัติการสงครามในยูเครนเนื่องจากความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัสเซียนั้นไม่คุ้มต่อสิ่งที่ได้ แต่ผู้นำรัสเซียอาจหวังว่าผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯจะออกมาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย เช่น หากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ก็จะทำลายความเป็นเอกภาพของนาโต้และยูเครนก็จะขาดพลังการต่อรอง

เรื่องอิสราเอลกับกาซ่าคาดว่าความเสียหายของทั้งสองฝ่ายจะยืดต่อไป จนกว่าจะตกลงกันได้เรื่องการหยุดยิงแลกเปลี่ยนตัวประกันที่ฮามาสควบคุมไว้ในกาซ่ากับผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ และจากการแทรกแซงของสหรัฐอเมริกาอาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของอิสราเอล ให้มีนโยบายเป็นกลางมากกว่าปัจจุบัน อีกทั้งขณะนี้มีการเรียกร้องจากอเมริกาและอังกฤษให้เกิดการเป็นประเทศของปาเลสไตน์อย่างเต็มตัว

เศรษฐกิจไทยจะฟื้นฟูได้รวดเร็วเพียงใด ก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในต่างประเทศและความสามัคคีภายในประเทศ วิกฤตในต่างประเทศที่กล่าวข้างต้นเราอาจควบคุมไม่ได้ แต่ส่วนที่เราสามารถช่วยกันได้ คือการหาทางออกอยู่ร่วมกันโดยสันติภายในประเทศ

อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะวัยหรือสถานะเศรษฐกิจสังคม เกิดจากเจตนาดีที่หวังให้อนาคตของบ้านเมืองเราพัฒนาไปในทิศทางที่มั่นคง เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน รับฟังซึ่งกันและกัน หาทางประนีประนอมและหาทางออกให้นิ่มนวลที่สุด และหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจ กฎหมายหรือชั้นเชิงทางการเมืองปิดกั้นโอกาสของพี่น้องลูกหลานชาวไทยที่มีความคิดแตกต่างกันครับ