หุ้น THG บวกแรง 12.58% หลังร่อนหนังสือแจงตลท. ไม่เอี่ยวโครงการฉาว ‘หมอบุญ’
หุ้น THG บวกแรง 12.58% เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 17.90 บาท หลังส่งหนังสือแจงตลท. ไม่เกี่ยวข้อง 5 โครงการฉาว "หมอบุญ" สวนทางโบรกแนะ "ขาย"
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 25 พ.ย.2567 หุ้น THG หรือ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บวกแรง 12.58% เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 17.90 บาท
บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ THG แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้แจงกรณีศาลออกหมายจับ ‘หมอบุญ’นายแพทย์บุญ วนาสิน ในข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน รวมถึงนางจารุวรรณ วนาสิน และนางสาวนลิน วนาสิน ภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญ โดยนางจารุวรรณและนางสาวนลินดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทฯ โดยทั้งสองเข้ามอบตัวต่อตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมทั้งให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชี้แจงว่าลายมือชื่อในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปลอมแปลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับการติดต่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ จากบุคคลทั้งสอง และทั้งสองก็ยังไม่ได้แสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ แต่จากข้อเท็จจริงและตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายการที่ทั้งสองถูกแจ้งข้อกล่าวหายังไม่ได้ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ เนื่องจากข้อกล่าวหาดังกล่าวยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด
ทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองจะเป็นกรรมการของบริษัทฯ แต่ถือเป็นเพียงกรรมการในจำนวนทั้งหมด 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และทั้งสองไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองของบริษัทฯ จึงไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ ในนามของบริษัทฯ ซึ่งจะสามารถผูกพันบริษัทได้ การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ และไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ หรือการปฏิบัติงานของบริษัทฯ
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของกรณีดังกล่าว และได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทฯ โดยคณะกรรมการฯ อาจพิจารณานำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของกรรมการทั้งสองท่านในการดำรงตำแหน่งต่อไป
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่านายแพทย์บุญ นำเงินส่วนตัวเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ "จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้" ร่วมกับ THG นั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง การลงทุนในโครงการ "จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้" นั้น เป็นการลงทุนของ บริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ THG ที่ถือหุ้นเกือบทั้งหมดมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน และได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2559 และบริษัทได้รายงานความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทฯ ทุกครั้ง รวมถึง ระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทฯ
ส่วนตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการชักชวนนักลงทุนของนายแพทย์บุญ ในธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า (2) โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำจ้าพระยา (3) โครงการโรงพยาบาลในลาว 3 แห่ง (4) โครงการเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม (5) โครงการสร้าง Medical intelligence เป็นการดำเนินการโดยนายแพทย์บุญ แต่เพียงผู้เดียว บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
สำหรับโครงการที่ THG เข้าไปเกี่ยวข้องในช่วงแรก ได้แก่
- การเข้าทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) สำหรับโครงการร่วมทุนในการสร้างศูนย์มะเร็ง ศูนย์ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยหลังผ่าตัด ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร และศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม ย่านปิ่นเกล้า
- เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนสร้างโรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ทั้งสองโครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาเบื้องต้น และการลงนามในบันทึกความเข้าใจเท่านั้น โดยบริษัทฯ ได้พิจารณาแผนความเป็นไปได้ของโครงการทั้งสองอย่างละเอียดแล้วและตัดสินใจไม่ลงทุนในทั้งสองโครงการ
การให้ข่าวเกี่ยวกับโครงการทั้งสองดังกล่าวเป็นการให้ข่าวโดยนายแพทย์บุญ ซึ่งบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการให้ข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด และต่อมาบริษัทชี้แจงแล้วว่านายแพทย์บุญ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและประธานกรรมการของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2565 และปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด ๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทฯ
ขณะที่ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองว่า THG ยังมีความไม่แน่นอนท่ากลางข่าวคดีที่เกี่ยวข้องกับนายแพทย์บุญ ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนที่ส่งผลมาถึง THG โดยยังต้องหลีกเลี่ยงการลงทุน THG อีกทั้งผลการดำเนินงานที่ยังไม่ฟื้นกลับมา ทำให้ทิศทางผลการดำเนินงานของ THG ยังมีโอกาสอ่อนแอต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ แนะนำ "ขาย" THG จากกำไรติดลบ เนื่องจากการตั้งสำรองจำนวนมาก สำหรับลูกหนี้ UCEP ที่เหลือ และยังมีข้อสังเกตว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจยังไม่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้รายได้ของหลายหน่วยธุรกิจอ่อนแอ และยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารายได้จะฟื้นตัว เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจยังไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับกรรมการของบริษัทที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีความ