หลีกหนี "เศรษฐีฟ้าแลบ" | วรากรณ์ สามโกเศศ
ความร่ำรวยที่เกิดขึ้นอย่างทันด่วนจากการถูกหวย หรือได้รับมรดก เป็นเรื่องของโชคที่น่ายินดี แต่อีกมุมหนึ่งก็สร้างปัญหาให้แก่ผู้รับและครอบครัวอย่างมาก
เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตที่สามารถทำลายชีวิตได้ ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” ที่มีเงินใช้อยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ และก็กลับมาเป็นอย่างเดิมอย่างน่าเสียดาย
งานวิจัยของสหรัฐ พบว่า 70% ของผู้ที่ร่ำรวยอย่างทันด่วนนั้นเป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” เพราะภายใน 2-3 ปี ก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
ในบ้านเราทุก 15 วันจะมีผู้ถูกหวยบนดินของรัฐรางวัลที่ 1 มูลค่า 6 ล้านบาท จำนวน 100 คน ใน 1 เดือนมี 200 คน และใน 1 ปี มี 2,400 คนเนื่องจากมีหวยออกมางวดละ 100 ชุด ชุดละ 1 ล้านใบ เลขรางวัลที่ 1 จึงมีผู้ถูก 100 คน (สมมติว่าซื้อคนละหนึ่งใบ)
ทำอย่างไรให้ “เศรษฐีใหม่” อย่างน้อย 2,400 คนต่อปีของสังคมไทย เป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” น้อยคนที่สุด ข้อแนะนำมีดังนี้
1.อย่าบอกใครเมื่อเป็น “เศรษฐีใหม่” อย่าบอกใครทันที เพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวายในชีวิตอย่างตั้งตัวไม่ติด โชคครั้งนี้ต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ เพื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และวางแผนใช้เงินอย่างมีเป้าหมาย
เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมพบว่ามนุษย์จะใช้เงินที่ได้มาง่ายๆ เช่นนี้อย่างไม่ระมัดระวัง เสมือนเก็บเงินไว้ในลิ้นชักของซีกสมองด้านหนึ่ง ส่วนเงินที่ได้มาจากหยาดเหงื่อนั้นจะอยู่ในลิ้นชักอีกด้านที่จะคิดอย่างรอบคอบในการใช้ ดังนั้น แท้จริงแล้วคนเหล่านี้จึงต้องต่อสู้กับความเป็นจริงตามธรรมชาติของการใช้เงินของมนุษย์ ผู้ชนะจึงมีจำนวนน้อย
ในบ้านเราน่าจะมีผู้หลีกหนีการเป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” ได้เพียง 10-20% เท่านั้น อีก 90-80% จะใช้จ่ายเงินอย่างขาดการวางแผน สนุกสนานกับการมีเงินใช้จ่ายเพื่อชดเชยปมด้อยของชีวิตหรือความขาดแคลนในอดีต ฯลฯ
ในที่สุดก็กลับมาเหมือนเดิมพร้อมกับทิ้งการล่มสลายของครอบครัวไว้ บางกรณีแม่บ้านซึ่งเคยขยันทำงานก็กลายมาเป็นนักการพนัน พ่อบ้านมีผู้หญิงใหม่ ลูกเลิกเรียนหนังสือซื้อรถใหม่แข่งกับเพื่อนจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ฯลฯ
2.ใช้หนี้เก่าให้หมด ถ้าหากจะเป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” กันในที่สุดอย่างน้อยก็ใช้หนี้เก่าให้หมด เมื่อกลับมาเหมือนเดิมก็จะมีภาระน้อยลง
3.ลงทุนในตนเองอย่างรวดเร็วด้วยการเรียนรู้เรื่องเงินทอง การลงทุน การใช้จ่ายเงิน การทำมาหากิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้จักหลักการสำคัญคืออย่าลงทุนกับเพื่อนที่มาชวน อย่าให้เพื่อนยืมเงิน (ให้ไปเลยเท่าที่ให้ได้อาจได้ความรักกลับมาแทนสัมพันธภาพที่จะหายไปเพราะเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นลูกหนี้)
4.มีเป้าหมายของการใช้เงิน ข้อคิดสำคัญก็คือโชคครั้งนี้เปรียบเสมือนได้ต้นไม้ใหญ่มาครอบครอง วัตถุประสงค์ที่ควรจะเป็นก็คือการดูแลต้นไม้นี้ให้เติบโตแข็งแรง ให้ความร่มเย็น มีผลไม้ให้เก็บกิน และตัดเวียนเอาไม้ไปขาย โดยดูแลให้มันอยู่ยั่งยืนไปตลอด
ใช้ความโชคดีนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัวอย่างเต็มที่ ถ้าเริ่มต้นด้วยการตัดไม้ไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายอย่างสนุกมือ ก็จะไม่มีโอกาสได้เก็บผลไม้กินหรือเอาไปขาย หากตัดไม้อยู่เรื่อยแล้วในไม่ช้าต้นไม้นี้ก็จะเหลือแต่ตอเท่านั้น
5.ความยั่งยืน ทุกคนอยากอยู่ในส่วนของ 10-20% ไม่อยากเป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” แต่อย่าลืมว่ามนุษย์ที่มีสติ มีวินัยตนเอง และมีความสามารถในการคิดใคร่ครวญในเรื่องความยั่งยืนของต้นไม้นั้นมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เงินจะหมดไปกับการใช้จ่ายขนานใหญ่ซื้อบ้านที่ดิน รถยนต์คันงาม โดยลืมนึกถึงภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาในเรื่องภาษี การดูแลรักษาและค่าเสื่อม
บวกกับการลงทุนที่ไม่ได้ผลจากคำชักชวนของญาติและเพื่อนที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างน่า “ภูมิใจ” ที่สำคัญคือการก่อหนี้เพื่อธุรกิจหรือเก็งกำไรโดยเฉพาะธุรกิจสีเทา ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะสูญหายทิ้งไว้แต่ภาระหนี้ที่เปรียบเสมือนโรคร้ายที่กัดกร่อนต้นไม้ต้นนี้
กลิ่นเงินมักดึงดูดคนเลวให้เข้ามาแวดล้อมด้วยไมตรีจิต รอยยิ้มและคำหวานที่ถูกใจ ผู้บังเอิญโชคดีจะถูกทดสอบอย่างสำคัญว่าจะคล้อยตามผู้ไม่หวังดีทั้งหลาย หรือไม่อย่าเสี่ยงลงทุนกับใครด้วยเงินจำนวนมาก
เพราะธุรกิจมีความเสี่ยงทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มธุรกิจของตนเองด้วยฟอร์มใหญ่ ค่อยทำค่อยไปอย่างไม่เป็นหนี้ และไม่อยู่ใต้อาณัติของใครอันเกิดจากการร่วมทุนกันเป็นอันขาด
6.ศึกษาประวัติศาสตร์ดูกรณีศึกษาของนักกีฬาและดาราดัง ผู้เคยโชคดีมีเงินมากแบบเดียวกันว่าจบลงแบบใดด้วยสาเหตุใด ทุกกรณีจะมีลักษณะคล้ายกันเสมอ เช่น ลงทุนฟอร์มใหญ่โดยตัวเองไม่มีความรู้เพียงพอ เข้าหุ้นกับเพื่อน ลงทุนจากคำชักชวน ถูกหลอก แจกเงินอย่างไร้ความหมาย ซื้อสิ่งของที่ปรารถนาทั้งหมดในชีวิตทันที
ทั้งหมดทำให้ต้นไม้ออกลูกให้ไม่ทัน เพราะโดนตัดเพื่อขายไม้ เมื่อเริ่มจะรู้ว่าเดินทางผิดก็แก้ไขไม่ได้เพราะมีหนี้ก้อนใหญ่เป็นชนักติดหลังอยู่
7.หาประโยชน์จากโชคให้มากที่สุด ต้องใช้เงินจากโชคนี้ให้เป็นการลงทุนที่สร้างความยั่งยืน เช่น ให้ลูกเรียนหนังสือ ลงทุนในตัวเองและครอบครัวในการเรียนรู้ทักษะและความรู้ใหม่ๆ ลงทุนโดยใช้บริการธนาคารที่ฝากเงินไว้ที่มีหน่วยให้คำแนะนำในการลงทุนเพื่อได้รับดอกผลที่มั่นคงและเรียนรู้การลงทุนที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างอยู่ห่างไกลจากการถูกต้มตุ๋น
การถ่อมตัวในความคิดและการกระทำเป็นเรื่องสำคัญ เงินทำให้หัวโตกว่าความเป็นจริงจนมักตัดสินใจผิดพลาด ต้องระวังผลเสียจากการมีเงินเพราะมันเป็นได้ทั้ง “คำอวยพร” และ “คำสาป” มันจะเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับความคิดและการกระทำของผู้มีโชค
8.การให้ การตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นองค์ประกอบสำคัญของการดำรงอยู่ของสังคมไทย จงให้เท่าที่สามารถจะให้ได้โดยไม่ทำลายวัตถุประสงค์หลักของการใช้เงินก้อนนี้การให้ที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านบวกต่อไปไกลควรใคร่ครวญ เช่น ให้การศึกษา สร้างงานให้ทำสร้างบ้านที่อยู่อาศัย ให้บ้านเช่า ที่ทำกิน ฯลฯ
การจะหลีกหนีการเป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ” ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับตนเองโดยแท้ การมีสติ มีความคิดการใช้ทางสายกลางการมีความรู้เรื่องเงินทอง การใช้ชีวิตแนว “พอเพียง” ในการใช้จ่ายอย่างมีวินัย มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยต้องการใช้ประโยชน์จากการได้รับโชคอย่างเต็มที่ ฯลฯ คือพลังที่จะทำให้ไม่เป็น “เศรษฐีฟ้าแลบ”
ลองจินตนาการว่าหากต้องกลับไปอย่างเดิม แทบไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์จากการรวยครั้งนี้เลย จะรู้สึกเสียดายโอกาสอย่างใจจะขาดเพียงใดแล้ว อาจปลุกให้มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนมีโชคอื่นๆ ก็เป็นได้.