เฟดไม่ลดดอกเบี้ย สหรัฐเองก็เจ็บหนัก จ่ายหนี้พันธบัตร 2 ล้านดอลล์ต่อนาที

สำนักข่าวบิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานวันนี้ (8 พ.ค.67) ว่า นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ได้รับผลประโยชน์อย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะสามารถรักษามูลค่าเงินต้นได้พร้อมกับผลตอบแทนในระดับสูง

แต่ในอีกด้านของสมการคือ รัฐบาลสหรัฐซึ่งต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเป็นดอกเบี้ยสำหรับหนี้สาธารณะมูลค่า 34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 8.9 พันล้านดอลลาร์ สำหรับหนี้คงค้างในเดือนมี.ค. ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ต่อนาที

ทั้งนี้ คาดว่าการจ่ายดอกเบี้ยเหล่านี้จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตเนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายเงินได้ และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังไม่มีทีท่าที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

ตามข้อมูลจากเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ พบว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับดอกเบี้ยของรัฐบาลกลางคาดว่าจะถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยกระทรวงการคลังสหรัฐ จ่ายดอกเบี้ยประมาณ 2.34 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2023

ปัจจุบันนักลงทุนเริ่มไว้วางใจในสินทรัพย์ตลาดเงินมากขึ้นหลังจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ดังกล่าวมากถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะให้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับ 5% สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมทั้งยังสามารถรักษาเงินต้นไว้ได้

ด้านแจ็ค แมนลีย์ จากเจพีมอร์แกน (JPMorgan) กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า หากเฟดต้องการลดอัตราเงินเฟ้อจริงๆ พวกเขาควรลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย

"คุณจะไม่เห็นแรงกดดันที่ลดลงอย่างมีนัยสําคัญต่ออัตราเงินเฟ้อจนกว่าคุณจะเห็นต้นทุนที่อยู่อาศัยลดน้อยลง และคุณจะไม่เห็นแรงกดดันที่ลดลงอย่างมีนัยสําคัญต่อต้นทุนที่พักอาศัย จนกว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย" แมนลีย์ กล่าว

 

 

 

 

อ้างอิง: Business Insider

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์