นักเศรษฐศาสตร์คาด กนง. ‘คงดอกเบี้ย‘ ที่ 2.50% รอการเมือง-เศรษฐกิจชัดเจน
“นักเศรษฐศาสตร์” ฟันธงคาดที่ประชุม กนง. 21 ส.ค.67 นี้ “คงดอกเบี้ย” ที่ 2.50% ชี้เก็บกระสุน “ลดดอกเบี้ย” ไว้ดูแลเศรษฐกิจหาก “เลวร้าย” กว่าคาด พร้อมรอดูสถานการณ์ “การเมือง-ตั้งครม.” ก่อน รวมทั้งภาพเศรษฐกิจวันนี้ (19 ส.ค.67) ก่อนปรับลดดอกเบี้ยในปลายปี
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 21 ส.ค.2567 นี้ ถือเป็นวาระที่ต้อง “จับตา” มากขึ้น เพราะหลายปัจจัยเศรษฐกิจอาจทำให้ กนง. ต้องกลับมายืนเป็น “กองหน้า” ของเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ดังนั้น อาจกระทบต่อการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐให้ดีเลย์ออกไปอีก แต่ “นักเศรษฐศาสตร์” หลายคนมองว่าอาจยังไม่ใช่จังหวะในการ “ลดดอกเบี้ย” เพราะสถานการณ์ทุกอย่างยังคลุมเครืออย่างมาก ทั้งเศรษฐกิจ และสถานการณ์ทางการเมืองที่ต้องรอความชัดเจนมากขึ้น
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินว่า การประชุม กนง. รอบนี้ กนง. น่าจะ “คงดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ 2.50% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมจะยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว แต่เงินเฟ้อมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าช่วงปลายปีนี้จะกลับเข้าสู่เป้าที่ระดับ 1%
ซึ่งมองว่า กนง. น่าจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่สภาพัฒน์จะประกาศวันจันทร์นี้ (19 ส.ค.67) โดยคาดว่าจะออกมาอยู่ที่ 2.1% ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.4-2.5% จากไตรมาสแรกที่ผ่านมา ฉะนั้น โดยรวมเศรษฐกิจไทยยังมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้หากดูด้านเสถียรภาพระบบการเงิน สินเชื่อครัวเรือนปัจจุบันอยู่ที่ 91% ต่อจีดีพี ซึ่งจะเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตสินเชื่อปีนี้ไม่เติบโตมากนัก จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 3% เติบโตกว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้เล็กน้อย
แต่ปัจจุบันการคาดการณ์สินเชื่อจะเติบโตได้เพียง 1% เท่านั้น จากหลายสินเชื่อที่กลับมาหดตัว ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ ดังนั้นการลดดอกเบี้ย อาจไม่ได้ช่วยให้สินเชื่อกลับมาเติบโตมากขึ้น
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า คาดการณ์ว่า กนง. น่าจะ “คงดอกเบี้ย” ต่อเนื่อง โดย กนง. น่าจะรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจที่จะออกมาในระยะข้างหน้านี้ แม้ปัจจุบันภาพเศรษฐกิจไทยจะเปราะบางมากขึ้น
แต่สถานการณ์ต่างๆ ยังอยู่ในภาวะคลุมเครือที่รอความชัดเจน ทั้งจากภาพเศรษฐกิจไทย และสถานการณ์ทางการเมืองในระยะข้างหน้า ดังนั้น มองว่าเป็นไปได้ที่ กนง. จะยังคงดอกเบี้ย และรอความชัดเจนอีกครั้ง
“สแตนชาร์ด” คาด กนง.คงดอกเบี้ยรอความชัดเจน
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำประเทศไทย และเวียดนาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า มีโอกาสที่จะเห็น กนง. “คงดอกเบี้ย” และหันมาลดดอกเบี้ยในช่วงปลาย ธ.ค.ปีนี้ เหลือ 2.25%
โดยยังเป็นไปตามประมาณการที่มองไว้ก่อนหน้านี้ แม้หลายธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว ทั้ง อังกฤษ , นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ , สหรัฐ ดังนั้น มองว่ากนง. น่าจะรอลดดอกเบี้ยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐในช่วงปลายปีนี้ ที่ 0.25% เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งทิศทางเงินเฟ้อว่าจะหลุดกรอบหรือไม่ และการจัดตั้งรัฐบาลเต็มว่าจะสำเร็จเมื่อใด และงบประมาณภาครัฐจะดีเลย์หรือไม่
รวมถึงนโยบายการคลังที่จะออกมาในระยะข้างหน้า จะออกมารูปแบบใด ดิจิทัลวอลเล็ตจะยังคงอยู่หรือไม่ ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งเพิ่มน้ำหนักใน กนง.น่าจะรอดูสถานการณ์ และปรับลดดอกเบี้ยได้ในช่วงธ.ค.ปีนี้
คาด กนง. “คงดอกเบี้ย” ยกเว้นเศรษฐกิจแย่กว่าคาด
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) มองว่า กนง. น่าจะ “คงอัตราดอกเบี้ย” ต่อไป เพราะสถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้นถ้าภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าคาด หรือ จีดีพีไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าประมาณการที่ระดับ 2.5% รวมถึงคุณภาพสินเชื่อที่ออกมาดูแย่กว่าที่คาด อาจทำให้ กนง. เปลี่ยนใจมาเป็นลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ได้ จากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของสภาพัฒน์ที่ออกมาแย่กว่าคาด
“ผมยังคงมองว่า มีความจำเป็นในการลดดอกเบี้ย แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ยกเว้นสถานการณ์เศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาดอย่างมาก วันนี้สิ่งที่แบงก์ชาติมอง คือ เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เดี๋ยวเงินเฟ้อจะเริ่มกลับมา และห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนมากกว่าการเติบโตแล้ว”
ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ยพุธนี้
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า มีโอกาสที่การประชุม กนง. รอบนี้จะมีการ “ลดดอกเบี้ย” มากขึ้น จาก 3 ปัจจัย ทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่มีความเสี่ยงด้านขาลงมากขึ้น โดยมาจากปัจจัยต่างประเทศ การฟื้นตัวของภาคการผลิตต่างๆ ไม่ดีเหมือนที่คาดไว้ ปัจจัยที่สอง เงินเฟ้อปัจจุบันขยับขึ้นมาบ้างแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ และดิจิทัลวอลเล็ตอาจเกิดขึ้นน้อย ดังนั้นผลต่อเงินเฟ้อที่จะมาอาจไม่ได้รุนแรงเหมือนที่คิด
ปัจจัยที่สาม เรื่องของเสถียรภาพ เดิมกังวลว่า หาก กนง. ต้องลดดอกเบี้ยจะยิ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า แต่ภาพปัจจุบันจากการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยลงในระยะข้างหน้า 0.25-0.50% ในช่วงเดือนพ.ค. หรือเดือนธ.ค. นี้ทำให้เริ่มเห็นเงินไหลเข้ามาสู่ภูมิภาค และทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเริ่มแข็งค่าขึ้น
ดังนั้น มองว่า กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้ในรอบการประชุมครั้งนี้ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนไป เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และหลักการของนโยบายการเงินคือ ต้องใช้เวลา 6 เดือนถึงจะเห็นผล ดังนั้น หากไม่ลดดอกเบี้ยตอนนี้เศรษฐกิจอาจเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ และการฟื้นตัวเศรษฐกิจไม่ได้ดีเหมือนที่คิดไว้ และยังเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้น และภาพเศรษฐกิจไทยวันนี้ เศรษฐกิจไทยยัง
คาด กนง. คงดอกเบี้ยระดับ 2.50%
นายสงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตลาดคาดหวัง กนง. ลดดอกเบี้ยในการประชุม กนง. เดือนส.ค.นี้ แต่เรายังคาดว่า กนง. น่าจะยัง “คงดอกเบี้ย” ระดับ 2.50% เท่าเดิมไว้ก่อน รอติดตามเฟดลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ก่อน หลังจากนั้นยังต้องติดตามธนาคารกลางอื่นในภูมิภาคเอเชีย จะปรับลดดอกเบี้ยตามเฟดหรือไม่ด้วย
และยังต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยไตรมาส 4 ปีนี้ จะปรับขึ้นมาอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-2% ได้หรือไม่ หากยังติดลบต่ำกว่า 1% หากธนาคารกลางอื่นในภูมิภาคเอเชียปรับลดดอกเบี้ย มองว่า กนง. อาจมีความจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้หรือเริ่มลดดอกเบี้ยในปีหน้า
เราคาดว่า กนง. มีโอกาสที่ปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้ามากกว่าปีนี้ เนื่องจากในไตรมาส 4 ปีนี้ แนวโน้มค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค และเก็บกระสุนไว้ใช้ดูแลเศรษฐกิจไทยในปีหน้า หากสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ ถดถอยหรือเลวร้ายลงมากกว่าที่ตลาดกังวล จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า
“ในบางจังหวะที่เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนค่อนข้างมาก ทั้งอ่อนค่า และแข็งค่าระหว่างวัน ธปท. เข้ามาดูแลค่าเงินบาทต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนและอ่อนค่าจนเกินไป เป็นที่น่าพอใจ”
ชี้หาก ศก.ไตรมาส 4 ไม่ฟื้นโอกาสทบทวนลดดอกเบี้ย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ และในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า คาดว่าการประชุม กนง. ในเดือนส.ค.นี้ น่าจะยัง “คงดอกเบี้ย” ที่ระดับ 2.50% เพื่อรอความชัดเจนเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ มากกว่าหรือตามที่ตลาดคาด
อีกทั้งยังต้องติดตามธนาคารกลางประเทศอื่นๆ จะลดดอกเบี้ยตามเฟดหรือไม่ และอยู่กับเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้จะฟื้นตัวได้อย่างที่คาดกันไว้หรือไม่ หากธนาคารกลางประเทศในเอเชียลดดอกเบี้ยตาม และเศรษฐกิจไทยไม่ได้ฟื้นตัวอย่างที่คาดกันไว้ ก็มีโอกาสที่ ธปท.กลับมาพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยได้
“มองว่า ธปท.ติดตามดูแลใกล้ชิด และรู้จุดเหมาะสมที่ต้องใช้นโยบายลดดอกเบี้ยอยู่แล้ว ขณะนี้ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าเติบโต3%ฟื้นต่อเนื่องจากปีนี้”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์