คาด’เยน’ มีสิทธิแข็งค่าแตะ 140 เยน/ดอลลาร์ ฉุดหุ้นญี่ปุ่นผันผวนหนักสุดรอบ 34 ปี

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าความกังวลเกี่ยวกับ “ค่าเงินเยน”ที่อาจแข็งค่าทะลุระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น และอาจทำให้บริษัทญี่ปุ่นต้องปรับลดประมาณการกำไร

สัญญาณที่ชัดเจนขึ้นจากธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)และธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น 3.5%  นับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. และนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า เงินเยนอาจแข็งค่าถึง 135 เยน/ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้

ตามการคาดการณ์ในผลสำรวจ Tankan ของ BOJ พบว่า  ระดับเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นนั้นเกินกว่าระดับเฉลี่ยที่ 144.77 ต่อดอลลาร์  ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าที่บริษัทส่งออกขนาดใหญ่ เช่น Toyota Motor Corp. และ Honda Motor Co. คาดการณ์ไว้

นักวิเคราะห์ประเมินว่าการแข็งค่าของเงินเยนทุก 1 เยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์จะส่งผลให้กำไรของบริษัทญี่ปุ่นลดลง 0.4%-0.6% เงินเยนซื้อขายแข็งค่ากว่า 144.77 เยนต่อดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้และห่างไกลจากจุดอ่อนค่าสุดในรอบหลายทศวรรษที่ 161.95 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม

โคไดระ โอนิชิ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสของ Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities Co. กล่าวว่า เมื่อเงินเยนแตะระดับ 140 กว่าเยนต่อดอลลาร์ บริษัทบางแห่งน่าจะปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ และข้อมูลในอดีตชี้ว่าดัชนี Nikkei 225 มักจะปรับตัวลดลงเมื่อเงินเยนแข็งค่ากว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้

"ค่าเงินเยนแข็งค่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นญี่ปุ่น underperform หุ้นสหรัฐ" 

โนบุยูกิ คาชิฮาระ กรรมการผู้จัดการของบริษัทหลักทรัพย์มารุซานกล่าวถึง ความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินเยนที่อาจแข็งค่าเกินระดับ 140 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ได้สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ

Nikkei ผันผวนหนักสุดในรอบ 34 ปี

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกำลังเผชิญความผันผวนครั้งใหญ่ โดยดัชนี Nikkei 225 กำลังมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวนที่สุดในรอบ 34 ปี จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น และสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ  ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ราคาหุ้นแกว่งตัวอย่างรุนแรงในช่วงต้นเดือนนี้

ดัชนี Nikkei 225 บันทึกช่องว่างระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของวันเดียวกันในเดือนนี้สูงถึง 7,625 เยน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นร่วงลงถึง 13% ในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเทขายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในปี 1990

"ความผันผวนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นครั้งนี้แตกต่างจากวิกฤตฟองสบู่"โคอิจิ คุโรเสะ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทจัดการสินทรัพย์เรโซน่า ให้ความเห็นว่า แม้ช่วงการแกว่งตัวของดัชนี Nikkei 225 ในเดือนนี้จะดูคล้ายคลึงกับช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตกต่ำหลังวิกฤตฟองสบู่ แต่ความรุนแรงและปัจจัยที่ก่อให้เกิดความผันผวนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คุโรเสะอธิบายว่า "สถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบันแตกต่างจากช่วงที่ฟองสบู่แตกอย่างมาก" ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวและความไม่เชื่อมั่นในนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ลดลงไปมากแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิง Bloomberg