‘ทองไทย’พุ่งแรงทะลุ 43,000บาท ขานรับแรงซื้อ ฐานะ ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’
เปิดศักราชใหม่ปี 2568 (2 ม.ค.) “ราคาทองคำ” ปรับตัวขึ้นสร้างระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์ ราคาทองคํา Spot “พุ่งแรง” ต่อเนื่องจากแรงซื้อทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน จับบตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทองคำ ด้านทองในประเทศเปิดตลาดเงินบาทอ่อนค่ามากช่วยหนุนราคาพุ่งแรง !!
“สมาคมค้าทองคำ” รายงานว่า ราคาทองตลาดโลกปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง มาตั้งแต่วันสิ้นปี 2567 ล่าสุด ช่วงเช้าวันที่ 3 ม.ค. 2568 !! พุ่งแตะ 2,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบรกแนวเบรกต้านสำคัญที่ 2,658 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
เนื่องมาจากได้รับปัจจัยหนุนจากการเดินหน้าเข้าซื้อทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนด้านการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนที่ “ทรัมป์” จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้
ขณะเดียวกัน ตลาดต่างเฝ้าจับตาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2568 และนโยบายของทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทองคำ
อีกทั้ง รายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในคืนวันที่ 3 ม.ค. ต้องติดตามการเปิดเผย ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็มเดือนธ.ค. ตัวเลขคาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 48.3 หลังจากเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 48.4
ส่วนสัปดาห์หน้าจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ อย่างตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนธ.ค. 2567 และรายงานการประชุมคณะกรรมการ FOMC ของเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ขณะที่ประกาศ ราคาทองในประเทศ เปิดตลาดเมื่อ 3 ม.ค. ในช่วงเช้า ปรับตัวขึ้นพรวดเดียว 500 บาท ทะลุระดับ 43,000 บาท แตะบริเวณ 43,250 บาท และเป็นการปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องตามทองคำตลาดโลกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 นับตั้งแต่วันสิ้นปี ส่วนค่าเงินบาท (3 ม.ค.) อ่อนค่าสู่บริเวณแถวๆ 34.41 บาท เป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยหนุนต่อทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นแรงดังกล่าว
“พีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์” นักวิเคราะห์การลงทุน บริษัท ออสสิริส จำกัด มองว่า ในปีนี้ผ่านมา ราคาทองคำ spot และราคาทองคำไทยปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง และคาดว่าหลายประเด็นจะยังส่งผลมาถึงในปีนี้
ทั้งนี้ ระยะยาวราคาทองคำในปีนี้ ยังมองว่าจะยังขยายตัว “ประมาณ 6-10%” ซึ่งอาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนกับปีที่ผ่านมา
เพราะนโยบายที่ “ทรัมป์” นำมาใช้ก็จะเป็นเรื่องของกำแพงภาษี ซึ่งประเด็นเรื่องดังกล่าวอาจจะทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐกลับมาดีดตัว และจะส่งผลต่อนโยบายดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนั้นอาจจะ ทำให้เงินเฟ้อของโลกในภาพรวมปรับเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกยังต้องซื้อทองคำเพิ่มเติม จุด นี้อาจจะเป็นแรงประคองทองคำเอาไว้
แบงก์ใหญ่บางแห่งมองไกลทะลุ 3,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมาบรรดาวณิชธนกิจใหญ่ ๆ ต่างปรับเป้าหมายราคาทองคำเพิ่มขึ้น โดยบางรายมองมีโอกาสไปแตะ 2,900 ดอลลาร์ หรือบางรายมองว่ามีโอกาสขึ้นไปแตะ 3,150 ดอลลาร์ ปัจจัยหนุนเท่าที่เห็นขณะนี้ คือ“ตัวเลขเงินเฟ้อ และสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ”
ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และรายงานการประชุมประจำเดือน ธ.ค.ของเฟด
หากข้อมูลยังสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ปัจจัยดังกล่าวจะไม่สนับสนุนให้เฟดเร่งลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง จะส่งให้ดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อ และจะกดดันราคาทองคำ
แนวต้าน จุดเปลี่ยนสำคัญที่ 2,655 ดอลลาร์
“พีระพงศ์” ประเมินว่า เมื่อมาดูข้อมูลเทคนิคราคาทองคำ gold spot ยังสามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน หรือแถว 2,620 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 2,635 ดอลลาร์ ยังคงทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง หากสามารถยืนและปิดเหนือโซนดังกล่าว อาจดันราคาทองคำขึ้นไปที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน หรือแถว 2,655 ดอลลาร์ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
แต่หากแรงซื้อลดลง และทำให้ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านดังกล่าวได้มีแนวโน้มชะลอตัว โดยมีแนวรับสำคัญระดับ 2,620-2,585 ดอลลาร์ หากราคาทองคำทะลุลงไปอย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณขาย และอาจลดลงต่อสู่ระดับต่ำสุดรายเดือนของเดือนพ.ย.ที่ 2,536 ดอลลาร์
แนะทยอยสะสม “ทองไทย”
สำหรับทองไทย ปประมินว่า หากยังไม่หลุดต่ำกว่า 42,000 บาท ยังสามารถแบ่งเข้าซื้อได้บางส่วนได้ โดยมีเป้าหมายแถว 42,550-42,700 บาท โดยให้แนวรับราคาทองคำไทยที่ 42,450 บาท และ 42,350 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปียังแนะนำให้ซื้อทยอยสะสม แต่ใช้ล็อตไม่ใหญ่ และเป็นการลงทุนระยะสั้น โดยอาจจะรอดูสถานการณ์อีกครั้งหลังจากที่ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดี 20 ม.ค. นี้ ซึ่งก่อนถึงวันดังกล่าวราคาอาจจะผันผวนพอสมควร
ส่วนประเด็นที่ต้องเกาะติด น่าจะอยู่ในสัปดาห์นี้ ที่จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงาน หากออกมายังแข็งแกร่ง ก็อาจจะเป็นปัจจัยให้เฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย และอาจจะกดดันราคาทองคำเอาไว้