น้ำมันดิบโลก พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 4 เดือน หลังสหรัฐคว่ำบาตรอุตฯ พลังงานรัสเซีย

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (13 ม.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงระดับโลก พุ่งขึ้นเหนือระดับ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 4% ในการซื้อขายก่อนหน้า ส่วน ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) อยู่ที่ระดับใกล้ 78 ดอลลาร์ เนื่องจากสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดและทะเยอทะยานที่สุดต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซียเมื่อวันศุกร์ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ส่งออกรายใหญ่ 2 ราย บริษัทประกันภัย และเรือบรรทุกน้ำมันมากกว่า 150 ลำ

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า มาตรการที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมเช่นนี้ออกมาก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งไม่ถึง 2 สัปดาห์ และทำให้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ตลาดสำคัญในอินเดียและจีน โดยโรงกลั่นในประเทศเหล่านี้อาจต้องมองหาแหล่งน้ำมันทางเลือกอื่น โดยอินเดียกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายสำคัญของรัสเซียหลังจากการบุกยูเครนในปี 2022 และจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้แรงหนุนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น สต็อกน้ำมันของสหรัฐที่ลดลง และการคาดการณ์ว่าคณะทำงานของทรัมป์อาจเข้มงวดต่อมาตรการคว่ำบาตรต่อการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ มาตรการคว่ำบาตรจากรัฐบาลไบเดนที่กำลังจะพ้นวาระอาจสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดมากขึ้น พร้อมทั้งทำให้นโยบายของกลุ่ม OPEC+ ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยกลุ่มความร่วมมือดังกล่าววางแผนที่จะเริ่มผ่อนคลายการจำกัดการผลิตในช่วงท้ายปีนี้หลังจากที่เลื่อนมาหลายครั้ง

การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันอาจสร้างความท้าทายใหม่ให้กับธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากสถานการณ์ครั้งนี้นำไปสู่เงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ จากสถานการณ์ทั้งหมดนักลงทุนได้ลดการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและแรงกดดันด้านราคายังคงอยู่
 

บทวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ประบุว่า เรือบรรทุกน้ำมัน ในกองเรือลับของรัสเซียอาจได้รับผลกระทบถึง 30% ซึ่งอาจกระทบน้ำมันถึง 800,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าความสูญเสียที่แท้จริงอาจน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขดังกล่าว

ขณะที่บทวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ยังคงคาดการณ์เกี่ยวกับอุปทานน้ำมันของรัสเซียไว้ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตจะตั้งราคาน้ำมันดิบให้ถูกลงเพื่อจูงใจผู้บริโภค 

 

 

อ้างอิง: Bloomberg