บล.กสิกรไทย มอง'หุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง'รับอานิสงส์ซ่อมแซมความเสียหายหลังน้ำลด
บล.กสิกรไทย มองหุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรับอานิสงส์หลังฝนตกหนักหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เชื่อหลังน้ำลดต้องมีการซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน ถนนหนทางที่ได้รับความเสียหาย โดยหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ ได้แก่ DOHOME, HMPRO, TASCO, DCC
บล.กสิกรไทย ประเมินว่าตลาดหุ้นโลกและสินทรัพย์เสี่ยงยังคงแกว่งตัวผันผวน ในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ย.เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยปัจจัยต่างประเทศ รอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ส.ค. ที่จะประกาศในวันที่ 13 ก.ย. ซึ่ง Consensus คาดว่าจะชะลอตัวลง MoM คาด 8.1%YoY ชะลอจาก 8.5%YoY ของเดือน ก.ค. รวมทั้งรอผลการประชุม Fed ในช่วง 20-21 ก.ย.
ส่วนปัจจัยในประเทศ มองว่านับจากนี้การประมูลโครงการลงทุนของภาครัฐจะยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรฟม. เผย BEM ชนะประมูลสายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี ซึ่งเป็นไปตามคาด โดย KS ประเมิน Target Price ของ BEM (10.20 บาท) และ CK (29.59 บาท) ซึ่งยังมี upsides จาก IRR ที่มีแนวโน้มสูงกว่าคาด เพราะ BTS ไม่ได้รวมประมูลในครั้งนี้
ขณะที่ BEM มีประสบการณ์ในธุรกิจมากกว่าคู่แข่ง ซึ่งในการประมูลรอบนี้คือ ITD+Incheon นอกจากนี้ผู้ที่จะได้ประโยชน์อีกกลุ่ม คือ กลุ่มผู้รับเหมาตอกเสาเข็มเพราะจะเริ่มงานในช่วงต้นของการก่อสร้าง ได้แก่ SEAFCO (“ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 4.05 บาท) และ PYLON (“ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 5.94 บาท)
นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักในช่วงนี้จะเป็น Sentiment บวกต่อ CKP และเมื่อน้ำลดรัฐจะอัดงบเพื่อซ่อมแซมถนน KS มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อาทิ DOHOME, HMPRO และกลุ่มขายวัสดุก่อสร้าง อาทิ TASCO, DCC
Top pick
*CK (ราคาทางพื้นฐาน 29.59 บาท)
- เป็นหุ้น Anti commodity โดยกลุ่มรับเหมาพื้นฐานทางธุรกิจได้ปรับราคาขึ้นมาก่อนแล้วตามต้นทุนที่สูง และช่วงที่ต้นทุนลงไม่ต้องปรับราคาลงตาม โดยเดือนส.ค. ราคาเหล็กลดลงเป็น 23,202 บาท/ตัน (-4.4% YoY และ -4.0% MoM) เราคาดว่ากลุ่มบริการก่อสร้างจะได้ประโยชน์จากราคาเหล็กที่ลดลงซึ่งเป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างทำให้ CK ได้ประโยชน์
- ปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้นคือ CK ชนะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และ CK ได้รับโครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double-deck) ใหม่จาก BEM
- CK ส่งต่อเงินปันผลที่สูงขึ้นจากบริษัทที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้ถือหุ้นเพื่อลดช่องว่างการถือครอง
*BEM (ราคาพื้นฐาน 10.20 บาท)
- เป็นหุ้น Defensive ในช่วงที่ตลาดหุ้นภาพรวมผันผวน
- ยอด Ridership ของเดือน ส.ค.คาดจะเห็นการฟื้นตัว MoM และต่อเนื่องถึงเดือน ก.ย. โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลัง ศูนย์ฯสิริกิติ์" จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ก.ย. คาดจะมีคนเข้ามาใช้บริการ 13 ล้านคนต่อปี บวกกับ BEM ที่มีสถานีตรงศูนย์ฯสิริกิติ์
- ความคืบหน้าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดย BEM มีโอกาสมากกว่าที่จะเป็นผู้ชนะประมูล
*BJC (ราคาพื้นฐาน 39.50 บาท)
- แรงหนุนจากตลาดหลักทรัพย์จัดทำ Hearing เรื่องการปรับปรุงเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 ลด Turnover Ratio ลงมาจากเดิมเริ่มต้นที่ 5% เป็น 2% ถ้าเกณฑ์ใหม่ผ่าน BJC มีโอกาสเข้า SET50/SET100
- กำไรครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น HoH คาด SSSG ช่วง 3QTD อยู่ที่ 4-6% และยังมีแรงหนุนการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเริ่ม 1 ต.ค. นี้ บวกต่อ BJC
- Valuation ถูกสุด ทั้ง PER ปี 65 และ ปี 66 อยู่ที่ 28.7 เท่า และ 22 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 33.8 เท่าและ 25.8 เท่า รวมถึง PBV ปี 65 และ ปี 66 ที่ 1.1 เท่า ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 3.8 เท่าและ 3.4 เท่า