ระทึก !! หุ้น MORE โบรกจนแต้ม นักลงทุน "ชิ่ง" จ่ายเงิน
สัปดาห์ที่ผ่านมา “หุ้นเล็ก" ที่สร้างประเด็นร้อนในตลาดหุ้นไทย จากรายการซื้อขายหุ้น 2 วันติด (10-11 พ.ย.) บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE
ด้วยการ ซื้อขายหุ้น ทำ ราคาหุ้น ลงมาปิดที่ Floor ทั้ง 2 วันตามแรงแห่เทขายท่ามกลาง “ข่าวลือ” ในตลาดหุ้นจนกลายเป็น “ข่าวร้าย”ในวงการโบรกเกอร์
ราคาหุ้น (10 พ.ย.) เปิดตลาดที่ 2.90 บาท ด้วยรายการ ATO เสนอซื้อ (BID) ราคา 2.90 บาท ด้วยจำนวนหุ้นมากถึง 1,500 ล้านหุ้น หลังจากนั้นช่วง 11.30 น. มีรายการ “เสนอขาย “ หรือ OFFER ที่ราคา 1.95 บาท ด้วยจำนวนหุ้น 700 กว่าล้านหุ้น และกลายเป็นราคา Floor ทันที ด้วยมูลค่าการซื้อขายพุ่งขึ้น
ส่งผลทำให้ ราคาหุ้น MORE ลดลง 29.86% หรือ 0.83 บาท มาที่ 1.95 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7,136.84 ล้านบาท
กระแสข่าวทำ ราคาหุ้น Floor เริ่มจากแรงขาย panic sell หลังมีรายการขายดังกล่าว มาจากนักลงทุนรายใหญ่เรียกว่า "เฮียม." มือลั่น ”คีย์ราคาผิด” ทำให้ผู้ถือหุ้น MORE ตกใจก็มีแรงขายถล่มออกมาต่อเนื่อง และประเด็นการแปลงสิทธิในราคาต่ำกำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดราคา
ขณะที่วันที่ 11 พ.ย. ราคาหุ้น MORE เปิด 1.37 บาทกลายเป็นราคา Floor ทันทีเป็นวันที่ 2 รวมแล้วราคาหุ้นปรับตัวลดลง 52 %
จนทำให้ทาง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ออกเตือนผู้ลงทุนให้ “ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ย 2565 สภาพการซื้อขายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ
โดยเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท จากนั้นราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนราคาต่ำสุด (Floor) ที่ราคา 1.95 บาท โดยตลอดทั้งวันมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 7,142 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด (SET และ mai)
ทั้งนี้ ตลท.ได้สอบถามพัฒนาการที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย โดย MORE ได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงก่อนเปิดการซื้อขายภาคบ่ายว่าไม่มีพัฒนาการสำคัญใดๆ
อย่างไรก็ตาม เช้า 11 พ.ย 2565 ราคาลดลงต่อเนื่อง เปิดตลาดที่ราคา Floor 1.37 บาท และปิดตลาดภาคเช้าที่ราคาดังกล่าว หากราคามีความผันผวน ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงในการซื้อขายได้ ตลท.จึงขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศที่แจ้งผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
และขอให้ บริษัทสมาชิกกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ MORE อย่างใกล้ชิดและเคร่งครัด เพื่อ ป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์”
ประเด็นดังกล่าวเริ่มมีกระแสกระทบวงกว้างและไม่ได้มีเพียงแค่นักลงทุนได้รับความเสียหายเท่านั้น กลับขยายวงไปยัง โบรกเกอร์ที่มีรายการซื้อขายหุ้น MORE ช่วงดังกล่าวต้องเคลี่ยริ่งเงิน T+2 (ครบกำหนด 14 พ.ย.) ปรากฎไม่สามารถนำเงินมาจ่ายชำระได้ เพราะรายการ “เสนอซื้อ” วันที่ 10 พ.ย. ไม่มีชำระเงินค่าหุ้น !!!
เรื่องใหญ่และดังในวงการโบรกเกอร์ในขณะนี้ จนต้องดึงหน่วยงานดูแลการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์เข้ามาจัดการและหาบทสรุป หากคำนวณมูลค่าเม็ดเงินคราวๆ จากรายการซื้อขาย 10-11 พ.ย. รวม 7,294 ล้านบาท
เฉพาะแค่รายการ Offer ที่มือลั่นคีย์ผิด มูลค่ามากกว่าพันล้านบาท และรายการอื่นอีก ...เสียหายมหาศาล