หุ้นแมนยูฯพุ่ง 15% หลังตระกูลเกลเซอร์ประกาศพร้อมขายสโมสร
สโมสรฟุตบอล “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า ทางสโมสรกำลังเริ่มกระบวนการสำรวจทางเลือกเชิงกลยุทธ์ ซึ่งรวมถึงการหาผู้ลงทุนใหม่ หรือขายสโมสร ซึ่งหากเกิดขึ้นจะเป็นการสิ้นสุดเวลา 17 ปีของการเป็นเจ้าของสโมสรของตระกูลเกลเซอร์
หลังมีการประกาศดังกล่าวออกมา ราคาหุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 19% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันอังคาร (22 พ.ย.) ก่อนจะปิดตลาดเพิ่มขึ้น 15% แตะที่ 14.94 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ที่ 2.46 พันล้านดอลลาร์ โดยสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยมีมูลค่าตลาดสูงสุด 4.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561
ทั้งนี้ เมื่อเดือนส.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า ตระกูลเกลเซอร์กำลังพิจารณาขายหุ้นบางส่วนในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีการคาดการณ์มูลค่าของทีมแมนยูฯ ที่ระดับ 5 พันล้านปอนด์ในเวลานั้น
รายงานระบุว่า ทางตระกูลเกลเซอร์กำลังทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินเรื่องกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การขายหุ้นบางส่วนหรือการลงทุนต่าง ๆ ในด้านการพัฒนาสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานใหม่
“อัฟราม เกลเซอร์” และ“โจเอล เกลเซอร์” ประธานบริหารร่วมและผู้อำนวยการของสโมสรออกแถลงการณ์ว่า “ขณะที่เรากำลังพยายามสานต่อประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของสโมสรอย่างต่อเนื่อง บอร์ดบริหารก็ได้อนุมัติให้ทำการประเมินทางเลือกเชิงกลยุทธ์อย่างละเอียด เราจะประเมินตัวเลือกทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแฟนบอลและสโมสร เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตแก่สโมสรให้มากที่สุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต”
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญากับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของทีมด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย หลังจากที่โรนัลโด้ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการขาดการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของสโมสร รวมถึงรู้สึก “ถูกสโมสรทรยศ”