ภาษีขายหุ้นสะเทือนหนัก ส่ออวสาน ‘เทรดเดอร์-เอชเอฟที’
เรียกว่า“ช็อก”วงการตลาดทุน เมื่อรัฐบาลประกาศเก็บภาษีขายหุ้น(Transaction Tax) แบบที่ไม่ทันตั้งตัว ในอัตรา 0.10% แม้ปีแรกจะเรียกเก็บเพียง 0.05%
แต่ยังไงก็ส่งผลกระทบกับนักลงทุน เพราะทำให้มีต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มนักลงทุนที่จะได้รับผลกระทบมากสุด คือ กลุ่มที่มีการซื้อขายเป็นรายวัน (เดย์เทรด) และกลุ่มที่ใช้โปรแกรมเทรดที่มีความถี่สูง (High-FrequencyTrading หรือ HFT) ซึ่งอาจทำให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลง จนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
‘กระทรวง จารุศิระ’ เทรดเดอร์ กล่าวว่า การเก็บภาษีขายหุ้น คาดจะส่งผลกระทบต่อการเก็งกำไร และทำให้มูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่มเทรด)ลดลง เพราะ นักลงทุนที่เทรดระยะสั้นปกติจะมีเสียค่าคอมมิชชั่นที่สูงอยู่ที่ล้านละ 1,500 ล้านบาท และเมื่อรัฐเก็บภาษีขายหุ้นก็จะทำให้ต้นทุนเพิ่มอีกล้านละ 1,000 บาท รวมมีต้นทุนในการเทรดหุ้นอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ต่อการซื้อขาย 1 ล้านบาท
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยนั้น นอกจากการเก็บภาษีขายหุ้นที่เป็นข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว กรณีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เข้ามากระทบในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะทำให้ บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) มีการปรับเปลี่ยนการให้วงเงินซื้อหุ้นลดลง และการวางหลักประกัน จึงคาดว่าเทรดเดอร์จะหายไปจากตลาดประมาณ 30% จากปัจจุบันที่มีบัญชีซื้อขายอยู่ 2-3 แสนบัญชี
ดังนั้นอาจจะทำให้เทรดเดอร์ อาจจะมองไม่คุ้มค่า เพราะคนที่เทรดหุ้นระยะสั้นนั้นจะต้องเฝ้าหน้าจอตลอด สุดท้ายผลกระทบก็จะเป็นลูกโซ่ เมื่อคนเทรดหุ้นหายออกไปจากตลาด ก็จะทำให้วอลุ่มเทรดในตลาดหุ้นไทยลดลง ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ภาครัฐอาจจะยกเลิกการเก็บภาษีขายหุ้นได้ เนื่องจากดูแล้วไม่คุ้มค่า
“การเก็บ Transaction Tax นั้นเก็บทั้งผู้ที่ขายแล้วขาดทุนด้วย ทำให้เทรดเดอร์ที่เทรดแล้วขาดทุนก็จะหายไปจากตลาด โดยเฉพาะเมื่อภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย”
สำหรับส่วนตัว จะลงทุนลักษณะเทรดระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากเหมือนนักลงทุนที่ซื้อขายระยะสั้นๆ
"กระทรวง" กล่าวต่อว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในปีหน้าคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,700 จุด ซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจโลกปีหน้าถดถอยแล้ว เว้นแต่มีเหตุการณ์ใหม่ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกรอบดัชนีก็จะเปลี่ยนไป
หม่อมหลวงทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า การเก็บภาษีขายหุ้นนั้นจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายตลาดรวมหายไปอย่างน้อย20% เพราะ นักลงทุนที่ลักษณะเดย์เทรด และนักลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรดหุ้นลักษณะHFT ชะลอการลงทุน เนื่องจาก มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และโอกาสที่จะทำกำไรยากขึ้น
รวมถึงเมื่อวอลุ่มตลาดรวมลดลง จะทำให้สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นลดลง ส่งผลต่อนักลงทุนอื่นๆเข้าและออกหุ้นทำให้ยากขึ้น เพราะแม้ HFT จะมีการส่งคำสั่งซื้อขายเร็วและถี่มาก แต่ก็มีผลดีที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องที่ทำให้นักลงทุนอื่นๆเข้าออกหุ้นได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามหากเก็บภาษีแล้ววอลุ่มตลาดหุ้นไทยลดลงมาก ก็อาจจะทำให้โบรกเกอร์ที่ต้องการขยายฐานลูกค้า กลับมาแข่งขันค่าคอมมิชชั่นได้ หรือบางรายอาจจะต้องปิดกิจการ เพราะธุรกิจโบรกเกอร์นั้นมีต้นทุนที่สูง แต่รายได้ลดลง
สำหรับโบรกเกอร์ รวมถึง บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ก็จะต้องมีการหารายได้อื่นๆเข้ามามากขึ้น รวมถึงต้องออกผลิตภัณฑ์หรือเป็นที่ปรึกษาเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับลูกค้า