ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ 37 จุด ขานรับจีนเปิดประเทศครั้งแรกรอบ 3 ปี
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(27ธ.ค.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 37 จุด ขานรับจีนประกาศเปิดประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 37.63 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 33,241.56 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 15.57 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 3,829.25 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 144.64 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 10,353.23 จุด
อย่างไรก็ดี แม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นในวันนี้ แต่ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ในปีนี้ โดยจะทำสถิติดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 3 ปีติดต่อกัน และขณะนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4% นับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กทรุดตัวลง 5.8% และ 8.5% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับจีน เช่น อาลีบาบา และ JD.com ต่างดีดตัวขึ้นขานรับจีนประกาศเปิดประเทศเร็วกว่าคาด
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนแถลงในวันนี้ว่า จีนจะกลับมาดำเนินการออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566
ข่าวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวานนี้ว่า จีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 หลังจากที่มีการบังคับใช้มานาน 3 ปีเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ จีนจะผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)