PTC แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ชิงเค้ก ‘พลังงานขยะชุมชน’
จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ - ท่องเที่ยว “ฟื้นตัว” ส่งผลให้ธุรกิจปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศ ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังรัฐบาลได้ทยอยผ่อนคลายล็อกดาวน์ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประชาชนหันมาเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว และการเดินทางด้วยรถขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจการขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูง สะท้อนผ่านพฤติกรรมผู้บริโภคย้ายจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการให้บริการด้านการขนส่งที่เติบโตต่อเนื่อง
และหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับ “ปัจจัยบวก” อย่าง บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ผู้ให้บริการคลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ รับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ของไทย โดยดูแลในพื้นที่ภาคอีสานโดยบริษัทมีคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่จังหวัดขอนแก่น (คลังขอนแก่น) และคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่จังหวัดศรีสะเกษ (คลังศรีสะเกษ)
ทว่า อีกจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ และไม่สามารถมองข้ามได้คือ บริษัทมีเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทน โดยเฉพาะ “โรงไฟฟ้าขยะชุมชน”
“วีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัท “สนใจ” ลงทุนด้าน “พลังงานทดแทน” อย่างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ซึ่งได้ศึกษามาพอสมควรแล้วว่าเป็นธุรกิจที่มีสัญญาบริการชัดเจน สร้างรายได้สม่ำเสมอ
คาดว่าในปีหน้าภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะทยอยเปิดประมูลโครงการออกมามากกว่า 10 โครงการ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมจะเข้าร่วมประมูล เนื่องจากมีความมั่นคงด้านฐานะการเงิน ไม่มีหนี้สถาบันทางการเงิน ทำให้มีความสามารถการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ
สำหรับทิศทางธุรกิจหลักในปี 2566 คาดว่ารายได้จะเติบโตไปตามความต้องการใช้น้ำมันสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศที่คาดว่าจะเติบโตราว 2.8-4.7% ตามการฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
“การเติบโตของเราในปีหน้า จะมีเติบโตทั้ง Inorganic และ Organic โดย Organic จะเป็นการเติบโตตาม GDP ของประเทศไทย ส่วน Inorganic เรามีความคาดหวังที่จะได้โครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโครงการที่เรามีความพร้อม และศึกษามานาน”
สำหรับ กรณีราคาน้ำมันดิบโลกมีราคา “ผันผวน” บริษัทไม่ได้ส่งผลกระทบทางตรงต่อบริษัท เนื่องจากเป็นเพียงผู้ให้บริการคลังน้ำมันเท่านั้น แต่อาจกระทบในแง่ของดีมานด์บางช่วงจังหวะ หรือในช่วงที่ราคาขาขึ้น ทำให้ยอดจ่ายของ PTC สูงผิดปกติ แต่ไม่ได้ส่งผลต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปัจจุบันยังไม่เห็นถึงผลกระทบต่อการใช้น้ำมันให้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันบริษัทก็มองเรื่องของการ Diversifyไปในธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ อย่างโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่ได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูล
นอกจากนี้ PTC ได้วาง แผนสร้างการเติบโตในอนาคต อีกหลายโครงการ ในช่วงระยะเวลา 1-3 ปี ประกอบไปด้วย
1.สร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟ บริเวณด้านหลังของคลังน้ำมันศรีสะเกษ สำหรับการรับน้ำมันทางรถไฟโดยบริษัทมีแผนที่จะปรับพื้นที่ และวางรางรถไฟที่ด้านหลังของคลังน้ำมันเพื่อที่ใช้เป็นจุดจอดของรถไฟ และเป็นจุดสูบถ่ายน้ำมันเข้าถังเก็บ การลงทุนในส่วนนี้จะมีมูลค่าประมาณ 85-90 ล้านบาท
2.สร้างระบบท่อเพื่อลำเลียง รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการสูบรับน้ำมันจากจุดรับน้ำมันทางรถไฟเข้าถังเก็บน้ำมันของบริษัท โดยการลงทุนในส่วนนี้จะมีมูลค่าประมาณ 15-20 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-จ่ายน้ำมัน โดยรองรับวิธีการโอนคลังที่หลากหลาย และเพิ่มจำนวนสถานีบริการที่มารับน้ำมันจากคลังของบริษัท รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบพลังงาน เพื่อให้ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน
ด้วยวิสัยทัศน์ (Vision) ที่ว่า “เป็นห่วงโซ่คุณค่า ที่มั่นคงแข็งแกร่งในระบบพลังงานของประเทศ บนหลักการบริหารแบบยั่งยืนและใส่ใจ เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นหนึ่งในใจลูกค้า” และมีแผนสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ และพันธกิจ เพื่อเป็นการกระจายฐานรายได้ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน….
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์