ดาวโจนส์ลบ 10 จุด กังวลภาคการผลิตสหรัฐหดตัว
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(3ม.ค.)ปรับตัวลง 10 จุด หลังการเปิดเผยภาคการผลิตสหรัฐหดตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยปรับตัวลงสู่ระดับ 46.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 47.7 ในเดือนพ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 10.88 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 33,136.37 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 15.36 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 3,824.14 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 79.50 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 10,386.98 จุด
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 47.7 ในเดือนพ.ย. แต่สอดคล้องกับตัวเลขเบื้องต้น
ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
ดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานชะลอตัว และแม้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน แต่ก็ยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและอุปสงค์ของผู้บริโภค
ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ ร่วงลง 13% หลังบริษัทส่งมอบรถยนต์ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2565
ทั้งนี้ เทสลาส่งมอบรถยนต์ 405,278 คันในไตรมาส 4 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 308,600 คันในช่วงเดียวกันของปี 2564 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 409,000-433,000 คัน
นอกจากนี้ ราคาหุ้นเทสลา ยังได้รับผลกระทบจากการที่เกาหลีใต้สั่งปรับบริษัทเป็นจำนวนเงิน 2.85 พันล้านวอน (2.2 ล้านดอลลาร์) หรือราว 76 ล้านบาท เนื่องจากเทสลาได้โฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับระยะการขับขี่ของรถยนต์จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ซื้อทราบว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเทสลาจะมีระยะการขับขี่สั้นกว่าปกติในสภาพอากาศหนาวเย็น โดยมีระยะสั้นลงถึง 50.5% เมื่อเทียบกับที่บริษัทได้โฆษณา
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์