ตลท.ยกเครื่อง ปรับเกณฑ์ซื้อขาย-รับหลักทรัพย์ กันซ้ำรอยกรณีหุ้นMORE
ตลท.เผยอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเกณฑ์"การซื้อขายหุ้น-รับหลักทรัพย์-การชำระราคาหุ้นฯลฯ"เพื่อป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยกรณีหุ้นMORE-ทำให้ตลาดทุนไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น-ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ร่วมตลาด
กรณีการผิดนัดชำระหุ้นบมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE) มูลค่าเกิน 4 พันล้านบาท ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพ.ย.ปี2565 ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของตลาดทุนไทย ที่สร้างความเสียหายแก่โบรกเกอร์ และวงการตลาดทุนไทย ทำให้ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาหารือเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่งตลาดหลักหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ถือเป็นด่านหน้าในการป้องกัน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนพ.ย. 2565 ถือว่าเป็นเดือนพ.ย.ทมิฬ ทำให้ตลาดหลักทรัพย์กลับไปพิจารณาและปรับปรุง ทั้งกระบวนการว่าจะทำอย่างไรให้ในอนาคตตลาดทุนไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ร่วมตลาดมากขึ้น โดยสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์จะทำนั้น จะเป็นการทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดังนี้
เรื่องแรก คือการพิจารณาความเหมาะสมของหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ของทั้งSET ,mai และตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVE Exchangeหรือ LiVEx)ว่าจะต้องปรับปรุงอย่างไรบ้างเพื่อให้เหมาะสมมากขึ้นในอนาดต
ประเด็นที่สอง คือ ปรับเกณฑ์การซื้อขาย การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ จะต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับการกำกับดูแลในอนาคตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น โปรแกรมเทรดดิ้ง อินเตอร์เน็ตเทรดดิ้ง การซื้อขายที่มากขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่มากขึ้น
ประเด็นที่สาม คือการพิจารณาปรับกรุงกระบวนการตรวจสอบข้อมูล รวมถึงแก้ไขเกณฑ์การใช้ข้อมูลสำคัญๆ เช่น การถือครองหุ้น ,การติดต่อกับบริษัทหลักทรัพยด้านต่างๆ เป็นเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์จะทำมากขึ้น เช่น เครดิตบูโรของบล.ต่างๆ ซึ่งเป็ฯข้อมูลสำคัญในการประกอบธุรกิจ
ประเด็นที่สี่ การกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นๆทั้งภาครัฐและเอกชน จะทำอย่างไรให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเร็วขึ้น เพราะหากไม่รีบประสานกันแก้ไข ผลกระทบรุนแรงมาก
"เราจะมีแผนงานที่จะทำทั้งระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่ทำได้เร็ว เช่น ระยะสั้นจะมีอะไรบ้าง เช่น ทบทวนประวัติของนักลงทุน, การที่บล.เอาข้อมูลมาใช้ จะทำอย่างไรตลท.ควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้สะดวกขึ้น การปรับปรุงกการปภิบัติการภายในพื่อลดและป้องกันความเสี่ยง ซึ่งเรื่องนี้ตลท.อาจไม่ได้ปรับกันมานาน"