ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 186 จุด หลัง "พาวเวล" ไม่ได้ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยเฟด

ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 186 จุด หลัง "พาวเวล" ไม่ได้ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(10ม.ค.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 186 จุด หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการกล่าวถ้อยแถลงวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 186.45 จุด หรือ 0.56%  ปิดที่ 33,704.10 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 27.16 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 3,919.25 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 106.98 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 10,742.63 จุด

ทั้งนี้ นายพาวเวล ได้กล่าวเน้นย้ำในวันนี้ถึงความจำเป็นที่ธนาคารกลางจะต้องมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง ขณะที่จัดการต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง พร้อมกล่าวว่า การใช้มาตรการสร้างเสถียรภาพต่อราคาจำเป็นต้องใช้การตัดสินใจที่ยากลำบาก ซึ่งอาจไม่เป็นที่พอใจต่อนักการเมือง

"เสถียรภาพของราคาถือเป็นรากฐานของการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และจะเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะในระยะยาว แต่การฟื้นฟูเสถียรภาพของราคา ในขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง จำเป็นต้องใช้มาตรการที่อาจสร้างความไม่พอใจในระยะสั้น ขณะที่เราขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งการที่ฝ่ายการเมืองไม่ได้ใช้อำนาจควบคุมการตัดสินใจของเรา ทำให้เราสามารถใช้มาตรการที่มีความจำเป็นโดยไม่ต้องพิจารณาถึงปัจจัยทางการเมืองระยะสั้น" นายพาวเวลกล่าวในสุนทรพจน์ว่าด้วยความเป็นอิสระของธนาคารกลางในการเสวนาที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางสวีเดนที่กรุงสตอกโฮล์มวันนี้

นอกจากนี้ นายพาวเวลแสดงจุดยืนว่า เฟดจะไม่เข้าไปดำเนินการโดยตรงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

นายพาวเวลกล่าวว่า แม้ว่ากฎระเบียบของเฟดให้อำนาจเฟดในการมีบทบาทที่จะทำให้สถาบันการเงินตระหนักถึงความเสี่ยงที่กำลังเผชิญอยู่จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่หากสภาคองเกรสไม่มีการออกกฎหมายให้อำนาจเฟดอย่างชัดเจน ก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่เฟดจะใช้นโยบายการเงิน หรือเครื่องมือตรวจสอบเพื่อสนับสนุนการมีเศรษฐกิจสีเขียว หรือบรรลุเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ
 

"เราไม่ใช่ และจะไม่เป็นผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ โดยการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายเพื่อจัดการโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศควรดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐบาลที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง" นายพาวเวลกล่าว

อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของนายพาวเวลในวันนี้ไม่ได้บ่งชี้ถึงทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งรวม 4.25% ในปีที่แล้ว

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวจะบ่งชี้ภาวะชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปทรงตัวในเดือนธ.ค. หรือ +0.0% จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ย.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 5.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนพ.ย.