MASTER ตั้งเป้ารายได้ปี66โต40% มั่นใจหุ้นเข้าเทรดวันแรกฉลุย
หุ้น“มาสเตอร์”เข้าเทรดวันแรกวันนี้ “นพ.ระวีวัฒน์” เชื่อนักลงทุนให้การตอบรับดี เหตุ ธุรกิจเติบโต -เป็นรพ.ศัลยกรรมรายแรกที่เข้าจดทะเบียน ตั้งเป้ารายได้ปี 66-67 เพิ่มขึ้นปีละ 40% หวังอนาคตขึ้นแท่นเป็นเครือโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลภายใต้ ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามครบวงจรรายแรกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเริ่มซื้อขายหุ้น(เทรด)วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)วันนี้ (25 ม.ค 2566) หลังจากเปิดจองซื้อเมื่อวันที่ 17-19 ม.ค. 2566 นักลงทุนสนใจจองซื้อหุ้นจำนวน 65 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 46 ล้านบาท เกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว
นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้นMASTER เข้าซื้อขายวันแรกในmaiวันนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนมากซึ่งสูงกว่าจำนวนหุ้นไอพีโอที่เสนอขายในครั้งนี้
ทั้งนี้สาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นของบริษัทจำนวนมาก เพราะ เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามครบวงจรบริษัทแรก และรายเดียวที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีกำไรสูงสุด ในกลุ่มโรงพยาบาล รวมถึงทีมผู้บริหารที่มีวิชั่นในการวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับหุ้นที่จัดสรรให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนรายใหญ่ส่วนตัวเป็นผู้คัดเลือกในการจัดสรรหุ้นให้โดยเลือกนักลงทุนที่เชื่อมั่นในธุรกิจ เห็นโอกาสเติบโตของบริษัทเข้ามาถือหุ้น จึงทำให้นักลงทุนที่ได้รับจัดสรรหุ้นเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนระยะยาว
นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2ปีนี้ (2566-2567)ตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละ 40% เนื่องจากนำเงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอไปเพิ่มห้องผ่าตัดสำหรับทำศัลยกรรมจำนวน 10 ห้อง เพิ่มเตียงผู้ป่วยใน สำหรับค้างคืน 10 เตียง เพิ่มเตียงพักฟื้นจำนวน 12 เตียง ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิม
รวมถึงจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการศัลยกรรมต่างๆฯลฯ เพื่อรองรับผู้มาใช้บริการ ซึ่งมีแนวโน้มการทำศัลยกรรมและความงามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยจุดเด่นอีกส่วนหนึ่งคือบริษัทที่ให้บริการด้านความงามและศัลยกรรมได้ทุกระดับราคา ลูกค้าสามารถเลือกราคาในการทำศัลยกรรมได้ เพราะ ราคาในการทำศัลยกรรมนั้นจะแตกต่างกันใน 3 ประเด็น คือ แพทย์ ซึ่งหากเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงจะมีราคาที่แพง , เทคนิคในการผ่าตัด และวัสดุที่ใช้
“เงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปขยายห้องผ่าตัด ,เตียงพักฟื้น,เตียงผู้ป่วยในและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงยังหาโอกาสในการเติบโตในอนาคต”
สำหรับในอนาคตบริษัทมีเป้าหมายที่ต้องการเป็นเครือโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งนอกจากการขยายธุรกิจด้วยตัวเองแล้วหากมีโอกาสเข้ามาที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตมากขึ้นก็พร้อมพิจารณา