PTTGC เผยปี 65 พลิกขาดทุนที่ 8.75 พันล้าน เทียบกับปี 64 กำไรที่ 4.5 หมื่นล้าน
PTTGC เผยผลดำเนินงานปี 2565 พลิกขาดทุนสุทธิ 8.75 พันล้าน จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 4.49 หมื่นล้าน เหตุบันทึกผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงในปีนี้ หลังจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าราคาที่ทำประกันความเสี่ยงไว้
นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งผลประกอบการปี 2565 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิ 8,752.20 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44,982.38 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซีย และประเทศยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อความผันผวนอย่างรุนแรงของทั้งราคาน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทำให้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัท จึงมีการบันทึกผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงในปีนี้จำนวน 23,057 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าราคาที่ทำประกันความเสี่ยงไว้โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ที่เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซีย และประเทศยูเครน ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 3,657 ล้านบาท
ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นขาดทุน 313 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัท มีส่วนแบ่งเงินกำไรจากเงินลงทุนที่รับรู้ในปีนี้จำนวน 2,908 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงในปีนี้ ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัท มีการบันทึกรายการพิเศษรวม 893 ล้านบาท
ขณะที่ ในไตรมาส 4/2565 บริษัท มีรายได้จากการขายรวม 124,780 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 31 จากไตรมาส 3/2565 และปรับตัวลดลงร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รายได้รวมปรับตัวลดลงโดยมีสาเหตุหลักจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นเป็นเวลา 49 วันในไตรมาสนี้ ประกอบกับอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ยังคงอ่อนตัวทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง
โดยในไตรมาสนี้ บริษัท มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 3,459 ล้านบาท ปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2564 ร้อยละ 67 และร้อยละ 66 ตามลำดับ ตามทิศทางส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ที่ปรับลดลง เนื่องจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่ยังอ่อนตัวเป็นผลจากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ในประเทศจีน การเข้ามาของกำลังการผลิตใหม่ในตลาด รวมถึงความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลก
บริษัท มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง รายการพิเศษอื่นๆ) จำนวน 1,769 ล้านบาท
โดยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นได้ส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ทำให้บริษัท รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 3,518 ล้านบาท ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 356 ล้านบาท ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนหน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นกำไร 3,990 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัท มีส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนที่รับรู้ในไตรมาสนี้จำนวน 381 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าส่งผลให้ในไตรมาส 4/2565 บริษัท รายงานผลขาดทุนสุทธิรวม 968 ล้านบาท (-0.21 บาท/หุ้น) ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/2565 บริษัท มีการบันทึกรายการพิเศษอื่นๆ รวม 1,744 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์