รายใหญ่ลดพอร์ตหุ้น ถือเงินสด รอจังหวะซื้อ หลังดัชนีร่วง-ต่างชาติขายหนัก
"นักลงทุนรายใหญ่" ปรับพอร์ตลงทุน หลังเดือนก.พ.ดัชนีไซด์เวย์ดาวน์-ต่างชาติขายหนัก 4 หมื่นล. เสี่ยป๋อง "วัชระ“เผย ลดพอร์ตลงทุนระยะสั้น ถือเงินสด30-40% เบียร์เทรดเดอร์”วนนท์“ชี้ตลาดหุ้นแกว่งตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศจนกว่าเลือกตั้งเสร็จ โจลูกอีสาน”อนุรักษ์"มองเป็นจังหวะซื้อหุ้นกำไรโตต่อเนื่อง บล.กสิกรไทย ชี้ มีโอกาสฟันด์โฟลว์ไหลออก
ดัชนีหุ้นไทยในช่วงเดือน ก.พ.แกว่งตัวทิศทางขาลง(ไซด์เวย์ดาวน์)ต่อเนื่อง โดยดัชนีเดือนนี้ (27 ก.พ.2566)ปรับตัวลดลง 44.11 จุด หรือ 2.63% จากสิ้นเดือนม.ค.2566ปิดที่ 1,671.46 จุด และเป็นเดือนที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 40,114.72 ล้านบาท (27 ก.พ. 2566)ซึ่งถือว่าเป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือเสี่ยป๋อง นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ส่วนตัวก็แปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยไซด์เวย์ดาวน์และนักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิหนักมาก ทั้งที่ประเทศไทยใกล้ที่จะมีการเลือกตั้ง มีเงินสะพัดในช่วงดังกล่าว และประเทศจีนเปิดประประเทศซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อประเทศไทย แต่ตลาดตอบรับไม่ดี และหากดูกราฟดัชนีหุ้นไทยก็ไม่ควรลงหนักขนาดนี้
ทั้งนี้จากที่ดัชนีปรับตัวลงและต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยหนักนั้น ทำให้ในช่วงระยะสั้น ส่วนตัวได้ลดพอร์ตการลงทุนหุ้นระยะสั้นลงเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถือเงินสดเพิ่มเป็น 30-40% เพื่อรอดูจังหวะในการเข้าไปซื้อใหม่ ส่วนพอร์ตการลงทุนระยะยาวนั้นขณะนี้ยังไม่ได้ปรับพอร์ต
อย่างไรก็ตามหากดัชนีไม่สามารถกลับมายืนระดับ 1,640-1,630 จุดได้ ก็ต้องกลับมาพิจารณาการลงทุนอีกครั้ง และถ้าดัชนีหุ้นไทยหลุด 1,600 จุด อาจจะต้องลดพอร์ตการลงทุนหุ้นระยะยาว ทำให้การลงทุนของส่วนตัวตอนนี้นั้นติดตามตลาดและข่าวสารอย่างใกล้ชิด
"ก่อนหน้านี้ส่วนตัวมองตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรกจะดี รับอานิสงส์จีนเปิดเประเทศ หนุนกลุ่มโรงแรม ค้าปลีก และยิ่งมีการเลือกตั้งจะทำให้มีเงินสะพัด และเกิดอีเลคชั่น แรลลี่ แต่ตลาดไม่สะท้อนเรื่องดังกล่าวกลับมีแรงขายหนัก ค่าเงินอ่อนมาที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ จากต้นปีที่32 บาท ก็งงตลาดเหมือนกัน "
นายวนนท์ วรรณป้าน หรือ เบียร์ เทรดเดอร์ กล่าวว่า เดิมเมื่อต้นปีตลาดคลายความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง แต่ล่าสุดตลาดกลับมากังวลว่าจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50% จากเดิมคาด 0.25% และการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในช่วงไตรมาส4ปี2565ออกมาต่ำคาดมาก ทำให้มีแรงเทขายหุ้นออกมา
โดยส่วนตัวได้ลดพอร์ตมาสักระยะแล้ว ซึ่งเป็นลักษณะเก็งกำไร โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนมาก แต่ถ้าตลาดไม่เอื้อก็จะเป็นลักษณะการประคองพอร์ต
ทั้งนี้คาดว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจากนี้จะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ คือ หากตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวขึ้น ตลาดหุ้นไทยพอจะขึ้นได้ แต่หากตลาดหุ้นต่างประเทศลง หุ้นไทยจะมีลักษณะซึมๆ โดยตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางเป็นบวกได้ ก็ต่อเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว และรู้ว่าพรรคไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดหุ้นไทยในปีนี้
นายอนุรักษ์ บุญแสวง หรือ โจ ลูกอีสาน กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นนักลงทุนวีไอ มองว่าช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมานั้นเป็นจังหวะในการทยอยซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง และราคาหุ้นที่ยังไม่แพง ซึ่งช่วงนี้ส่วนตัวได้เข้าไปทยอยซื้อบ้างแล้ว เพราะมองว่าหากเลือกหุ้นที่กำไรที่โตต่อเนื่อง หากถือระยะยาว ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดี
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ต่างชาติขายหุ้นไทยหนักจาก จีดีพี และกำไรบจ.ไตรมาส4ที่ออกมาต่ำคาด ความกังวลใน3 เดือนข้างหน้าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ดอลลาร์อินเด็กซ์ปรับขึ้นมาจาก 101 เป็น 105 ทำให้เงินบาทอ่อนค่ามาแตะ 35 บาท และความกังวลเสถียรภาพรัฐบาลใหม่หากได้คะแนนเสียงไม่ถึง 356 เสียง
อย่างไรก็ตามหากเฟดยังคงขึ้นดอกเบี้ยแรง และยังไม่เห็นความชัดเจนว่าจะมีรัฐบาลใหม่ช่วงไหน ก็มีโอกาสที่ต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อ จึงแนะนำเลี่ยงหุ้นที่ต่างชาติถือครองสูง