CRC ประกาศงบไตรมาส 4/65 ดีเกินคาด กลุ่มแฟชั่นฟื้น ดันราคาพุ่ง +5.03%

CRC ประกาศงบไตรมาส 4/65 ดีเกินคาด กลุ่มแฟชั่นฟื้น ดันราคาพุ่ง +5.03%

CRC ประกาศผลดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 65,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าดีเกินคาดกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้  

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ประกาศผลดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 65,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าดีเกินคาดกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้  

ส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการปิดปี 2565 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 236,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +21% จากปีก่อน EBITDA อยู่ที่ 30,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +50% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 7,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2,648% จากปีก่อน ส่งผลให้เช้านี้ (1 มี.ค.66) เมื่อเวลา 10.12 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 47.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ +5.03%

 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งบไตรมาส 4/65 ค่อนข้างจะออกมาดีมาก ย้อนกลับไปช่วง 9 เดือนอยู่ที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท พอมาถึงงบปีในไตรมาส 4/65 ไตรมาสเดียวฟันกำไรกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทำได้เยอะมากถ้าเทียบกับช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียว

ทั้งนี้ ถือว่า เป็นการรายงานผลประกอบการที่ดีมาก กำไร 3,417 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน และ 100% จากไตรมาสที่แล้ว หลัก ๆ การเติบโตมาจากธุรกิจแฟชั่นมีการเติบโต ซึ่งดีทั้งในไทยและห้างที่ต่างประเทศ อย่าง อิตาลี ด้วย   เป็นตัวที่ผลักดันผลกำไรได้ 

ทั้งนี้เริ่มเห็นดีมานด์ของคนที่กลับเข้ามาซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเดิม กลับมาซื้อออนไลน์มากขึ้น เลยทำให้ผลประกอบการออกมาค่อนข้างดี ทำให้ราคาหุ้นกระโดดขึ้นมา คำแนะนำให้ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 50.00 บาท

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หุ้น CRC งบไตรมาส 4/65 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ที่ออกมาประมาณ 3,300 ล้านบาท ถือว่า ออกมาดี ในฝั่งของรายดี ขณะที่มาร์จิ้นก็ออกมาดีด้วย เพราะมีการฟื้นตัวของธุรกิจแฟชั่น ซึ่งแม้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจอื่น พอแฟชั่นมาเลยทำให้กำไรออกมาค่อนข้างสวย 

ทั้งนี้ถือว่า ผลประกอบการทำได้ทั้งดีทั้งของไทยและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม อิตาลี  ในส่วนของเอ๊าลุกไตรมาส 1/66 สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีเรื่องของมาตรการชอปดีมีคืน และนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นโตต่อทั้ง QoQ และ YoY ยังคงแนะนำซื้อ สำหรับ CRC ราคาเป้าหมายที่ 52.00 บาท 

ด้านนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC กล่าวว่า สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจในเครือ จากการผ่อนคลายโควิด-19 และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ได้แก่ ส่วนงานแฟชั่น มีรายได้ 55,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +29.6% ส่วนงานฮาร์ดไลน์ มีรายได้ 72,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +14.6% และส่วนงานฟู้ด มีรายได้ 83,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1%

ขณะเดียวกันยังรับรู้รายได้จากการให้บริการเช่า 6,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +31.9% จากปีก่อน และรายได้จากการให้บริการ เท่ากับ 1,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +70.9% จากปีก่อน รวมถึงรับรู้รายได้อื่น 16,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +18.3% จากปีก่อนส่วนค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 45,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +13.2% จากปีก่อน และค่าใช้จ่ายในการบริหาร 18,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +12.9% จากปีก่อน

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เสนอจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 0.48 บาทต่อหุ้น กำหนดผู้ได้รับสิทธิวันที่ 9 พ.ค. 2566 (ขึ้นเครื่องหมาย XD 8 พ.ค.66) และจ่ายปันผลวันที่  26 พ.ค. 2566

นายญนน์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล จะยังคงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นว่าเวียดนามเป็น Key Market ของเซ็นทรัล รีเทล ที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมหาศาล และมีความพร้อมทางธุรกิจในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่โตเร็ว ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว และมีกำลังซื้อสูง รวมถึงการขยายตัวของเมืองและธุรกิจโมเดิร์นเทรดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ได้เร่งเครื่องอัดฉีดงบลงทุน 5 ปี กว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อขยายอาณาจักรในเวียดนามอย่างเต็มที่ พร้อมผนึกความร่วมมือทั้ง Ecosystem ของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเสริมแกร่งความเป็นผู้นำทั้งในกลุ่มฟู้ด น็อนฟู้ด และพร็อพเพอร์ตี้ ในประเทศเวียดนาม โดยมีแผนที่จะเปิดศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 5-7 สาขาในปีหน้า พร้อมทั้งตั้งเป้าขยายอาณาจักรเซ็นทรัล รีเทล ให้ครอบคลุมทั้งหมด 57 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนาม และบรรลุยอดขาย 150,000 ล้านบาทในประเทศเวียดนามในอีก 5 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล พร้อมมุ่งหน้าสู่ The Next Sustainable Growth โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับทุกกลุ่มธุรกิจในแต่ละประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยเส้นทางธุรกิจต่อจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล มีความมั่นใจที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปัจจัยบวกหลายด้านในภาคธุรกิจค้าปลีกและบริการ โดยเฉพาะแรงเสริมจากการเปิดประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเพิ่มมากขึ้น ทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี ถือเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ซึ่งจะเอื้อประโยชน์โดยตรงต่อธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล