‘สิงห์เอสเตท’ ลั่นกำไรนิวไฮ มุ่งความเป็นเลิศ 4 ธุรกิจ หนุนรายได้ 1.7 หมื่นล.

‘สิงห์เอสเตท’ ลั่นกำไรนิวไฮ มุ่งความเป็นเลิศ 4 ธุรกิจ หนุนรายได้ 1.7 หมื่นล.

“สิงห์ เอสเตท” เปิดแผนธุรกิจปี 66 เดินหน้าธุรกิจสู่ความเป็นเลิศทั้ง 4 ธุรกิจหลัก หนุนรายได้แตะ 1.7 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 34% และมีกำไร “ออลไทม์ไฮ” ลั่น พร้อมเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่า “หมื่นล้าน” ถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่ทำธุรกิจ

เป็นประจำทุกปีที่ “ภาคเอกชน” ทยอยเปิดแผนลงทุนประจำปี 2566 โดยล่าสุด บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดแผนสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และมั่งคั้งในปี 2566 โดยทั้ง “4 ธุรกิจหลัก” คือ ธุรกิจที่อยู่อาศัย-ธุรกิจอาคารสำนักงาน-ธุรกิจโรงแรม-ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกธุรกิจ หนุนผลงานทั้งปีโดดเด่น ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ซึ่งทำให้อัตรากำไร และผลตอบแทนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย  

     "ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า สำหรับแผนธุรกิจปี 2666 บริษัทวางกลยุทธ์ “S EXCELS” คือ การสร้างความเป็นเลิศในทุกมิติ โดยมิติแรก ผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ซึ่งมีเป้าหมาย 4 พอร์ตธุรกิจ คือ ธุรกิจที่อยู่อาศัย-อาคารสำนักงาน-โรงแรม-นิคมอุตสาหกรรม

มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) โดยจะสร้างรายได้อยู่ที่ 16,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% 

มิติสองคือ การเพิ่มแต้มต่อธุรกิจ โดยการเสริมแกร่งศักยภาพในการแข่งขัน เน้นการสร้าง Synergy ที่เกื้อหนุนกันระหว่าง 4 ธุรกิจ และความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอด 3 ปี มิติสามคือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 และกำหนดแผนอนุรักษ์ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณธุรกิจตั้งอยู่

สำหรับแผนธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัทเตรียมต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดโครงการบ้านแนวราบใหม่ จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และเพื่อตอบรับความต้องการตลาดคอนโดมิเนียมที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง บริษัทจึงได้ขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 ส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการดังกล่าวเต็ม 100% คาดว่าโครงการที่พักอาศัยในปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 70% 

ส่วนธุรกิจสำนักงานให้เช่า ในปีนี้มีสัญญาณพื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์โมเดลธุรกิจ Right sizing ซึ่งเป็นการนำเสนอพื้นที่ให้เช่าที่มีความหลากหลาย ควบคู่กับโมเดลธุรกิจ Ready-to-move หรือการจัดสรรพื้นที่ให้เช่าพร้อมใช้งาน โดยในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตธุรกิจสำนักงานให้เช่า 20% ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 90% ในทุกโครงการ 

ทั้งในส่วนของสิงห์ คอมเพล็กซ์ ซันทาวเวอร์ส และ เอส เมโทร รวมถึงโครงการอาคารสำนักงานล่าสุดอย่าง เอส โอเอซิส บนถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์กลางธุรกิจที่เปี่ยมศักยภาพแห่งใหม่ พร้อมเซ็นสัญญาผู้เช่ารายใหญ่ในไตรมาส 2 ปี 66  

กลุ่มธุรกิจโรงแรม ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่โดดเด่นอย่างชัดเจนในปีนี้ โดยโรงแรมในเครือที่ประเทศไทยทั้ง 4 แห่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ คาดรายได้เติบโตถึง 60% จากปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์จะเติบโตขึ้น 30% หนุนรายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% 

ทั้งนี้ ในปี 2566 จะเน้นการเติบโตของอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75% ขณะที่การหมุนเวียนและต่อยอดการลงทุนสินทรัพย์ (Asset Rotation & Enhancement) รวมถึงการปรับปรุงและยกระดับโรงแรมในเครือ ช่วยเสริมแกร่งผลประกอบการ สนับสนุนให้ SHR สามารถครองตำแหน่งผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทยอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีจะมีการเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 6 ดาว ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SHR และพันธมิตรทางธุรกิจ คาดผลประกอบการจะสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ ในระยะยาวได้ในอีกทางหนึ่ง

และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือ ยอดขายที่ดิน 200 ไร่ แรงหนุนสำคัญจากทั้งปัจจัยมหภาค โดยบีโอไอคาดระดับการลงทุนจากต่างประเทศคงตัวได้ที่ราว 5-6 แสนล้านบาท ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) 

รวมทั้งจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก และธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตเป็นเงื่อนไขเพื่อขยายสู่ตลาดระดับสากล เนื่องจากนิคมตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง

รวมทั้ง บริษัทมีแผนจับมือพันธมิตร ทั้งภายในและภายนอกเครือสิงห์ เอสเตท เพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน นำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่าง 

นอกจากนี้ เพื่อสร้างแต้มต่อในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Flex space บริษัทมีแผนร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำซึ่งมีสาขาครอบคลุมศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญๆ และมีระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพอีกด้วย  

และตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2573 และสร้างความหลากหลายที่สมดุลเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 5% ต่อปี การเพิ่มเทคโนโลยีนำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการธุรกิจ