ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบแคบ 37 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(28มี.ค.)ปรับตัวลงในกรอบแคบ 37 จุด เพราะถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 37.83 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 32,394.25 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.26 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 3,971.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 55.76 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 11,716.08 จุด
ทั้งนี้ การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ราคาหุ้นอาลีบาบาที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 7% หลังประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นธุรกิจ 6 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีฝ่ายบริหารของตนเอง และสามารถทำการระดมทุม รวมทั้งเข้าจดทะเบียนในตลาด
เป็นที่น่าสังเกตว่า การประกาศปรับโครงสร้างของอาลีบาบาในวันนี้ มีขึ้นหลังการปรากฎตัวของนายแจ็ค หม่าในสัปดาห์นี้ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ซึ่งเป็นเมืองที่นายหม่าก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา
นอกจากนี้ อาลีบาบาทำการปรับโครงสร้างดังกล่าว หลังเผชิญแรงกดดันมานานหลายปีจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการคุมเข้มจากรัฐบาลจีน ส่งผลให้ราคาหุ้นของอาลีบาบาดิ่งลงคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)