“หุ้นไทย” ลบ 0.49 จุด ไร้ปัจจัยบวก - คาดผลประกอบการ Real Sector ดันดัชนีรีบาวด์
“ตลาดหุ้นไทย” ปิดตลาดอยู่ที่ 1,557.87 จุด ลดลง 0.49 จุด หรือ 0.03% กูรู ชี้ ขาดปัจจัยบวกกระตุ้นตลาด และสภาพคล่องทั้งโลกน้อยทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทย - ต่างประเทศเบาบาง คาดผลประกอบการ “Real Sector” สัปดาห์หน้าหนุนหุ้นไทยรีบาวด์
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงเกือบทั้งวัน ซึ่งดัชนีทำต่ำสุดอยู่ที่ 1,553.15 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,557.87 จุด ลดลง 0.49 จุด หรือ 0.03% มูลค่าซื้อขาย 35,491.29 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
1. KTB มูลค่า 1,818.54 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 18.00 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.10%
2. KBANK มูลค่า 1,555.19 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 127.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.78%
3. SCB มูลค่า 1,312.34 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 102.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.49%
4. DELTA มูลค่า 1,287.39 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 906.00 บาท เพิ่มขึ้น 16.00 บาท หรือ 1.80%
5. ADVANC มูลค่า 1,206.09 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 208.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.48%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวทรงตัว ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดนอกจากการประกาศเรื่องผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นประเมินแนวรับวันพรุ่งนี้อยู่ที่ 1,550 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,560 จุด
ทั้งนี้มีปัจจัยที่อาจกระทบตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 26 เม.ย. ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และ รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE) ของสหรัฐวันที่ 27 เม.ย.
“ประเด็นบวกเดียวที่ดันตลาดหุ้นไทยวันนี้มีเพียงถ้อยแถลงของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติเมื่อเช้านี้ที่บอกว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี นอกนั้นก็ไม่มีประเด็นอะไรใหม่เลย”
ด้านคำแนะนำในการลงทุนควรพิจารณาหน้าหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ออกมาดี คือ OSP SCAP BLA และ CPALL
ส่วน นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า วันนี้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยเบาบางเนื่องจากสภาพคล่องของทั้งโลกน้อย สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่มูลค่าการซื้อขายก็เบาบางเช่นกัน ประกอบกับแนวโน้มการเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) มีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ อาจปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 1 ของภาคการผลิต (Real Sector) เพราะโดยสถิติแล้วผลประกอบการของภาคส่วนดังกล่าวมักเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี
โดยวันพรุ่งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ดีคือ CPALL HMPRO KTC และ CRC เป็นต้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์