ดาวโจนส์ทรุด 344 จุด กังวลวิกฤตแบงก์,ผลประกอบการซบ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(25เม.ย.)ร่วงลง 344 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร และการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 344.57 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 33,530.83 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 65.41 จุด หรือ 1.58% ปิดที่ 4,071.63 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 238.05 จุด หรือ 1.98% ปิดที่ 11,799.16 จุด
ราคาหุ้นของเจเนอรัล มอเตอร์ (หุ้นGM), แมคโดนัลด์ คอร์ป และเป๊ปซี่โค ต่างดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ดิ่งลงกว่า 26% หลังธนาคารเปิดเผยว่าลูกค้าได้แห่ถอนเงินฝากมากกว่าคาดในไตรมาส 1/2566
ราคาหุ้นของยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงเกือบ 10% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า กำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดของยูพีเอสเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากปิดตลาด
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 28 เม.ย. โดยดัชนีดังกล่าวเป็นข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญตัวสุดท้ายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2-3 พ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนี CPI
ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ราคาบ้านในสหรัฐได้ปรับตัวขึ้นในเดือนก.พ. หลังจากชะลอตัวติดต่อกัน 7 เดือน
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 101.3 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 104.0 ในเดือนมี.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 9.6% สู่ระดับ 683,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน จากระดับ 623,000 ยูนิตในเดือนก.พ.