ย้อนรอย 10 หุ้นบิ๊กแคป ปี 62 เทียบก่อน-หลัง เลือกตั้ง รุ่งหรือร่วง?
จากสถิติในอดีตของการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 หลังเลือกตั้งจะมีการปรับขึ้น 2 -3% ในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรก
จากสถิติตลาดหุ้นไทยหลังจากที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว 1 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ตลาดมักจะตอบรับในเชิงบวก ซึ่งอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2 - 3% หลังจากผลการเลือกตั้งออกมาแล้วในช่วง 1 - 2 สัปดาห์ อาจส่งผลให้ราคาของหุ้นปรับตัวขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า จากสถิติย้อนหลังของบริษัทที่ได้ทำไว้ตั้งแต่ปี 2535 ในช่วงพฤษภาทมิฬ นับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมามีการเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 10 ครั้ง จนกระทั้งปี 2562 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งล่าสุดถ้าไม่นับในครั้งนี้ ค่าเฉลี่ยถือว่าค่อนข้างดูดี SET มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าลง โดยมีค่าเฉลี่ยรีเทิร์น 1 สัปดาห์หลังจากที่มีการเลือกตั้งไปแล้วอยู่ที่ระดับ 3% และถ้าไปดูจำนวนครั้งจาก 10 ครั้ง มีเพียงแค่ 2 ครั้งที่ปรับตัวลดลงในช่วง 1 สัปดาห์จากการเลือกตั้ง คือในปี 2539 และปี 2562
ทั้งนี้ทิศทางหุ้นหลังจากการเลือกตั้งส่วนใหญ่ยิ่งมีชัยชนะของการเลือกตั้งที่เด็ดขาดมาเป็นอันดับ 1 อย่างไรก็ตาม ชัยชนะที่เด็ดขาดในอดีตจะมีความแตกต่างจากชัยชนะที่เด็ดขาดในปัจจุบัน เพราะในอดีตไม่มีเรื่องของ 250 สว. แต่ในปัจจุบันถ้ามาอันดับ 1 และมีเสียงเกินครึ่งไม่มากจะค่อนข้างอ่านเกมยากอาจจะทำให้มีการจัดตั้งรัฐบาลช้า อาจจะมีการไม่แน่นอนต่อการชัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าในสัปดาห์แรก (15 - 19 พ.ค.66) ถ้ามีความชัดเจนได้อย่างรวดเร็วตลาดจะสามารถตอบรับเชิงบวกได้ โอกาสที่ดัชนี SETปรับไปอยู่แถว 1,600 จุด มีค่อนข้างสูง แต่ถ้ามีกรณีอื่นที่อาจจะมีความไม่แน่กับการจัดตั้งรัฐบาล หรืออาจจะต้องไปรออีก 2 เดือนในเรื่องการโหวดของสว. ถ้าเป็นแบบนี้ตลาดค่อนข้างไม่ชอบเพราะไม่มีความชัดเจน ใน 1 สัปดาห์แรกถ้าเป็นแบบนี้อาจจะเป็น window ของการขายหุ้นออกมาก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ด้านอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นก่อนหลังเลือกตั้งจะมีการปรับขึ้น 2 -3% ในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรกของการเลือกตั้งไปแล้ว เพราะมีความชัดเจน จากก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนบางส่วนอาจจะยังไม่กล้าที่เข้ามาลงทุน เพราะกลัวเรื่องของการเมือง พอมีผลการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ราคาของหุ้นปรับตัวขึ้นไป แต่จะมากหรือน้อยขึ้นกับตัวคะแนนที่ได้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายรวดเร็วหรือไม่ โดยสรุปผลการเลือกตั้งเป็นไปตามโพลที่จะส่งผลไปทิศทางบวก
กรุงเทพธุรกิจ ได้สำรวจข้อมูลในอดีตของการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ก่อนและหลังของการเลือกตั้ง 7 วันหลังจากนั้น หุ้นกลุ่มบิ๊กแคปจำนวน 10 หลักทรัพย์ปรับตัว 8 หลักทรัพย์และปรับตัวลดลง 2 หลักทรัพย์ ทั้งนี้สถิติที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
10 หุ้นบิ๊กแคป ปี 62 ก่อนและหลังการเลือกตั้ง
1.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 67.00 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 67.25 บาท
- เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.37%
- มาร์เก็ตแคปที่ 1,046,427.53 ล้านบาท
2.บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 70.75 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 70.00 บาท
- ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.06%
- มาร์เก็ตแคปที่ 963,602.30 ล้านบาท
3.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 47.75 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 48.00 บาท
- เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.52%
- มาร์เก็ตแคปที่ 921,156.63 ล้านบาท
4.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 180.50 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 185.00 บาท
- เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ +2.49%
- มาร์เก็ตแคปที่ 657,300.35 ล้านบาท
5.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 17.85 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 19.38 บาท
- เพิ่มขึ้น 1.53 บาท หรือ 8.57%
- มาร์เก็ตแคปที่ 615,990.37 ล้านบาท
6.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 74.25 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 75.75 บาท
- เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +2.02%
- มาร์เก็ตแคปที่ 597,376.24 ล้านบาท
7.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 120.00 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 127.00 บาท
- เพิ่มขึ้น 7.00 บาท หรือ +5.83%
- มาร์เก็ตแคปที่ 579,617.87 ล้านบาท
8.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 23.50 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 25.00 บาท
- เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +6.38%
- มาร์เก็ตแคปที่ 472,787.06 ล้านบาท
9.บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 36.75 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 35.25 บาท
- ลดลง 1.50 บาท หรือ -4.08%
- มาร์เก็ตแคปที่ 425,858.02 ล้านบาท
10.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 7 วัน (18 มี.ค.62) ที่ 478.00 บาท
- ราคาหลังเลือกตั้ง 7 วัน (1 เม.ย.62) ที่ 488.00 บาท
- เพิ่มขึ้น 10.00 บาท หรือ +2.09%
- มาร์เก็ตแคปที่ 403,200.00 ล้านบาท