1 สัปดาห์ รัฐบาลก้าวไกล ‘หุ้นโรงไฟฟ้า - รับเหมา’ ราคาร่วงแรงแค่ไหน
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มรับเหมาว่า ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค. 66 ถึง ณ ประกาศเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (15 พ.ค.66) จนถึงวันที่ 19 พ.ค.66 กับนโยบายทลายกลุ่มทุน และลดค่าไฟฟ้า GUNKUL หนักลงสุดเฉียด 14% ขณะที่ GULF ลงไปเกือบ 10%
ประเด็นทางการเมืองยังมีความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ก้าวไกลประกาศขึ้นมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่ชัดต่อเสียงสนับสนุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่างชาติที่เทขายออกไปก่อนเพื่อรอดูถึงความชัดเจน ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวกับสัมปทานรัฐ ต่างพร้อมใจกันปรับตัวลงมาจากนโยบายของก้าวไกลที่ต้องการขจัดนายทุนใหญ่ และส่งเสริมให้ธุรกิจรายย่อยได้มีบทบาทและเข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากเทียบกับตลาดภูมิภาคในช่วงวันศุกร์ (19 พ.ค.66) ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในบ้านเราสาเหตุเกิดจากปัจจัยภายในประเทศในเรื่องของการเมือง ส่งผลให้ต่างชาติขายออกอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มขายออกไปตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.66 เพื่อรอดูความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล และถ้าดูในปีนี้ (2566) ถึง ณ ปัจจุบันต่างชาติมีการเทขายออกไปแล้วกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วหุ้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในครั้งนี้หุ้นกลับกลายเป็นปรับขึ้นหลังโหวต โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นอีกข้างที่ได้เข้ามาจัดตั้งรัฐบาล จึงทำให้มีความแตกต่างจากปี 2562 ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. ที่เป็นอีกด้านหนึ่ง ที่อาจจะต้องไปลุ้นกัน เลยทำให้นักลงทุนปรับตัวลดน้ำหนักลงมาค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่า สุดท้ายถึงวันที่ต้องโหวตนายกหุ้นก็จะดีขึ้นกลับมาก
ทั้งนี้ การที่พรรคก้าวไกลได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายไม่ได้ประเมินไว้ แต่หนึ่งในนโยบายที่พรรคก้าวไกลที่ต้องการทลายกลุ่มทุน ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.66 นักลงทุนเกิดความกังวลจึงต้องการลดความเสี่ยงลงมา แต่ว่าจะยังไมเห็นภาพว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ได้ หรือทำได้เร็วหรือช้า ส่งผลให้ประเมินกันไม่ถูกจึงทยอยเทขายกันออกมา
ขณะที่หุ้นที่โดนเทขายออกมา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหุ้นสัมปทาน ซึ่งไม่ใช่แค่โรงไฟฟ้าอย่างเดียว แต่ยังมีกลุ่มขนส่ง กลุ่มสื่อสารที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ขณะที่ หุ้นรับเหมา อย่าง STEC นำดิ่งลงมาก่อนตั้งแต่ช่วงวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วน CK ผิดหวังจากงบไตรมาส 1/66 มาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้หัวใจสำคัญในวันจันทร์ (22 พ.ค.66) กับการติดตาม MOU และวันอังคารที่ 23 พ.ค.66 จะมีประการประชุมวิสามัญสภาสูง หรือ สว. จะเป็นภาพสะท้อนออกมามากขึ้นว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย วึ่งหากตัวเลขของสว. สนับสนุนพรรคก้าวไกลเกิน 23 เสียง คาดว่าตลาดจะเป็นไปในทิศทางบวก เพราะว่าจะสามารถมีความจัดตั้งรัฐบาลได้มากขึ้น แต่ถ้าหากไม่เกิน 23 เสียง ทางกกต.อาจจะต้องมีการพิจารณาเรื่อง สื่อไอทีวี ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ด้วย
ด้าน วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่พรรคก้าวไกลประกาศเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่ช่วงวันที่ 15 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาในระดับหนึ่ง หากนับตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้งที่ 12 พ.ค.66 ถึง วันที่ 19 พ.ค.66 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาประมาณ 2.8% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงมา จากนโยบายก้าวไกลที่มีแผนจะลดค่าไฟเพื่อช่วยประชาชน จึงเป็นแรงกดดันของกลุ่มนี้ ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีการปรับลดลงมาค่อนข้างมาก โดยในกลุ่มนี้นักลงทุนมีความกังวลในเรื่องของค่าแรง ที่พรรคก้าวไกลต้องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของเราอยู่ที่ 330 บาท ถ้ามีการปรับขึ้นมากจะส่งผลกระทบ รวมถึง SME ด้วย
“กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มรับเหมาว่า ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค. 66 ถึง ณ ประกาศเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (15 พ.ค.66) จนถึงวันที่ 19 พ.ค.66 หุ้นทั้งสองกลุ่มนี้ปรับตัวลงมาขนาดไหน
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า 10 อันดับ ได้แก่
1.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
- มาร์เก็ตแคป 563,191.20 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 52.50 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 47.50 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 5.00 บาท หรือ -9.52%
2.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA
- มาร์เก็ตแคป 240,585.00 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 67.50 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 64.50 บาท
- เปลี่ยนแปลง 3.00 บาท หรือ -4.44%
3.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
- มาร์เก็ตแคป 167,773.90 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 62.75 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 58.75 บาท
- เปลี่ยนแปลง 4.00 บาท หรือ -6.37%
4.บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM
- มาร์เก็ตแคป 97,758.75 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 39.50 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 37.00 บาท
- เปลี่ยนแปลง 2.50 บาท หรือ -6.32%
5.บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH
- มาร์เก็ตแคป 79,387.50 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 38.50 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 36.00 บาท
- เปลี่ยนแปลง 2.50 บาท หรือ -6.49%
6.บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO
- มาร์เก็ตแคป 75,810.96 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 152.00 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 141.50 บาท
- เปลี่ยนแปลง 10.50 บาท หรือ -6.90%
7.บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP
- มาร์เก็ตแคป 41,449.15 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 14.00 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 13.70 บาท
- เปลี่ยนแปลง 0.30 บาท หรือ -2.14%
8.บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP
- มาร์เก็ตแคป 30,729.07 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 3.82 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 3.68 บาท
- เปลี่ยนแปลง 0.14 บาท หรือ -3.66%
9.บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL
- มาร์เก็ตแคป 29,490.00 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 3.82 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 3.30 บาท
- เปลี่ยนแปลง 0.52 บาท หรือ -13.61%
10. บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG
- มาร์เก็ตแคป 26,028.12 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 9.40 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 8.85 บาท
- เปลี่ยนแปลง 0.55 บาท หรือ -5.85%
หุ้นรับเหมา 10 อันดับ ได้แก่
1.บริษัท ช.การช่างจำกัด (มหาชน) หรือ CK
- มาร์เก็ตแคป 34,216.72 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 22.40 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 20.40 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 2.00 บาท หรือ -8.92%
2.บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO
- มาร์เก็ตแคป 31,093.72 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 20.40 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 19.10 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 1.30 บาท หรือ -6.37%
3. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC
- มาร์เก็ตแคป 14,488.51 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 12.20 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 9.25 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 2.95 บาท หรือ -24.18%
4.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
- มาร์เก็ตแคป 7,391.82 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 1.50 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 1.37 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.13 บาท หรือ -8.66%
5. บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI
- มาร์เก็ตแคป 5,914.39 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 4.02 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 3.50 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.52 บาท หรือ -12.93%
6. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ
- มาร์เก็ตแคป 3,761.94 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 3.66 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 3.40 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.26 บาท หรือ -7.10%
7.บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA
- มาร์เก็ตแคป 2,386.07 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 7.75 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 7.55 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.20 บาท หรือ -2.58%
8.บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON
- มาร์เก็ตแคป 2,939.50 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 4.04 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 3.92 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.12 บาท หรือ -2.97%
9. บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO
- มาร์เก็ตแคป 2,588.98 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 3.74 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 3.48 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.26 บาท หรือ -6.95%
10.บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN
- มาร์เก็ตแคป 1,557.86 ล้านบาท (วันที่ 19 พ.ค.66)
- ราคาก่อนเลือกตั้ง 12 พ.ค.66 ที่ 0.15 บาท
- ราคา ณ วันที่ 19 พ.ค.66 ที่ 0.14 บาท
- เปลี่ยนแปลงลดลง 0.01 บาท หรือ -6.66%