ดัชนีดาวโจนส์ พุ่งกว่า 700 จุด นลท.เปิดรับความเสี่ยง ขานรับจ้างงานแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(2มิ.ย.)พุ่งขึ้นกว่า 700 จุด ขณะที่นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง ขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้
- ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 701.19 จุด หรือ 2.12% ปิดที่ 33,762.76 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.45% ปิดที่ 4,282.37 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 1.07% ปิดที่ 13,240.77 จุด
นอกจากนี้ ดัชนีแนสแด็กยังพุ่งขึ้น 1% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2565
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี VIX ดิ่งลงสู่ระดับ 14.82 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.2564
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวแสดงความยินดีต่อตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และการที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้จะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐต่อไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 339,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง
ตลาดขานรับตัวเลขการจ้างงานดังกล่าว เนื่องจากบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 29
นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค.ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 12 เดือน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 341,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังการเปิดเผยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4%
เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักลงทุนยังคงเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 74.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 25.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้สหรัฐ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐให้การรับรองร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ และคาดว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้ ก่อนเส้นตายในวันที่ 5 มิ.ย.