STARK ขอเจรจา ‘เจ้าหนี้หุ้นกู้-ผู้เกี่ยวข้อง’ เท่าเทียมกัน ก่อนทยอยจ่ายคืน

STARK ขอเจรจา ‘เจ้าหนี้หุ้นกู้-ผู้เกี่ยวข้อง’ เท่าเทียมกัน ก่อนทยอยจ่ายคืน

STARK ขอเจรจา “เจ้าหนี้หุ้นกู้-กลุ่มที่เกี่ยวข้อง” ทุกฝ่ายให้เท่าเทียมกันก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกัน ก่อนจะทยอยจ่ายคืนหนี้ หลังผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เรียกให้ชำระหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมดจำนวน 6.9 พันล้าน

              นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ออกหุ้นกู้ ประกอบด้วย

 (1) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2567(STARK245A)

(2) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2568(STARK255A)

(3) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) ค รั้ง ที่ 2/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2567(STARK242A)

ดังรายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่อ้างถึงซึ่งยังไม่ได้ไถ่ถอน บริษัทขอชี้แจงการถูกเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของหุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A และการยกเลิกการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566ในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 ดังนี้

1. รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการถูกเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของหุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A บริษัท (ในฐานะผู้ออกหุ้นกู้) ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สำหรับ (ก) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2566 (STARK239A)

และ (ข) หุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK249A) จำนวนรวม 18,130,297.01 บาท ซึ่งครบกำหนดชำระแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 เนื่องจากบริษัท มีส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทตามที่ปรากฏในงบการเงินรวมประจำปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) เป็นจำนวนติดลบประมาณ 4,403 ล้านบาท การผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยของหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ซึ่งมีจำนวนเงินรวมกันเกินกว่าร้อยละ 3.00 (สามจุดศูนย์ศูนย์) ของส่วนของผู้ถือหุ้นดังกล่าว จึงถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อ 10.1 (ง) ของข้อกำหนดสิทธิ

ดังนี้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จึงออกหนังสือลงวันที่ 20 มิถุนายน 2566 เรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดตามหุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A (“หนังสือเรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน”) โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิตามข้อ 10.3 ของข้อกำหนดสิทธิเรียกให้บริษัทชำระหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมดจำนวน 6,957,400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดซึ่งคำนวณจนถึงวันที่บริษัทชำระหนี้ตามหุ้นกู้ครบถ้วนแล้ว ภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566

อนึ่ง หากบริษัทไม่ชำระหนี้ดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนดตามหนังสือเรียกให้ชำระหนี้โดยพลันผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้คงค้างทั้งหมดภายใต้หุ้นกู้ และเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิดังกล่าว

2. การยกเลิกการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 สำหรับหุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เนื่องจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิเรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จึงยกเลิกการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 สำหรับหุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A ซึ่งเคยกำหนดไว้ว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. แนวทางการดำเนินการเนื่องจากเจ้าหนี้ทางการเงินอื่น ๆ นอกเหนือจากผู้ถือหุ้นกู้อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดในลักษณะเดียวกัน

อย่างไรก็ดี บริษัทมิได้นิ่งนอนใจ และกำลังพิจารณาทำการสื่อสาร เจรจา หาทางออกร่วมกับเจ้าหนี้ดังกล่าวอยู่เพื่อให้เจ้าหนี้ระงับซึ่งการใช้สิทธิดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถสรุปยอดหนี้ที่อาจมีการใช้สิทธิในแบบเดียวกันได้ เนื่องจากเหตุแห่งการเรียกชำระหนี้โดยพลันของหุ้นกู้หมายเลข  STARK245A STARK255A และ STARK242A เพิ่งจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกลุ่มเจ้าหนี้ทางการเงิน และเจ้าหนี้ต่าง ๆ ของบริษัทบริษัทกำลังขอเจรจากับเจ้าหนี้ทางการเงินที่สำคัญทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท เพื่อมิให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ใช้สิทธิแบบเดียวกัน ขณะเดียวกันบริษัทก็พิจารณาถึงความเสี่ยงอันเกิดจากการกระทำใด ๆ ที่อาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติและให้เปรียบเจ้าหนี้กลุ่มใด ๆ เหนือเจ้าหนี้รายอื่น

บริษัทจึงเห็นว่าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้กลุ่มใด ๆ เป็นการเฉพาะ เพราะอาจถูกเจ้าหนี้กลุ่มอื่นเพิกถอนหรือส่งกระทบในทางลบต่อการเจรจากับเจ้าหนี้กลุ่มอื่น ดังนี้ จึงควรรอให้ผลของการเจรจาสิ้นสุดลงว่าจะบริหารการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หุ้นกู้และกลุ่มอื่น ๆ อย่างไรโดยเท่าเทียมกัน ก่อนดำเนินการชำระหนี้ใด ๆ