ดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด ปิดแดนบวก 9 วันติด ทุบสถิติปิดบวกนานสุดรอบ 6 ปี

ดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด  ปิดแดนบวก 9 วันติด ทุบสถิติปิดบวกนานสุดรอบ 6 ปี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(20ก.ค.)ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 163.97 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 35,225.18 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 30.85 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 4,534.87 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 294.71 จุด หรือ 2.05%  ปิดที่ 14,063.31 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 163.97 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 35,225.18 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 30.85 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 4,534.87 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 294.71 จุด หรือ 2.05%  ปิดที่ 14,063.31 จุด

ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 74% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ราคาหุ้นของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้นกว่า 2% ขานรับผลประกอบการที่สดใส

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 1% ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการดิ่งลงของราคาหุ้นเทสลาและเน็ตฟลิกซ์

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลาดิ่งลงกว่า 6% หลังนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ของเทสลาจะชะลอตัวลงในไตรมาส 3/2566 เนื่องจากมีการปิดโรงงานหลายแห่งเพื่อทำการปรับปรุงในช่วงฤดูร้อน

ส่วนราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ทรุดตัวลงกว่า 9% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/2566

นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นเน็ตฟลิกซ์ หลังราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 60% นับตั้งแต่ต้นปี 2566

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 228,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 242,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 9,250 ราย สู่ระดับ 237,500 ราย

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 33,000 ราย สู่ระดับ 1.75 ล้านราย

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 3.3% สู่ระดับ 4.16 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านดิ่งลง 18.9% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดสำหรับยอดขายในเดือนมิ.ย.นับตั้งแต่ปี 2552

การชะลอตัวของยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากสต็อกบ้านในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ โดยสต็อกบ้านลดลง 13.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี อยู่ที่ระดับ 1.08 ล้านยูนิต