ดาวโจนส์ ปิดแดนบวก ทำสถิติปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(21ก.ค.)ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ทำสถิติปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 2.51 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 35,227.69 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.03% ปิดที่ 4,536.34 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.22% ปิดที่ 14,032.81 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ถือเป็นการทำสถิติปรับตัวขึ้น 10 วันติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.2560 โดยปีดังกล่าวเป็นปีที่ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นถึง 25.08%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2.3% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กดีดตัวขึ้น 1% และ 0.4% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก The Stock Trader?s Almanac ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท มักปรับตัวขึ้นในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ เดือนก.ค.เป็นเดือนที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 และดัชนีแนสแด็กปรับตัวดีที่สุดของปี นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของปี
ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 3.29% ในเดือนก.ค.นับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ดัชนีแนสแด็กปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4.10%
ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.76% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 2.89% ซึ่งเป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากที่สุดของปี นับตั้งแต่ปี 2552
นอกจากนี้ สถิติบ่งชี้ว่า ดัชนีดาวโจนส์,เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กไม่เคยปรับตัวลงในเดือนก.ค.นับตั้งแต่ปี 2557
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 73% ของบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า