ดัชนีดาวโจนส์ ปรับขึ้นกว่า 100 จุด หลังข้อมูลบ่งชี้เงินเฟ้อชะลอตัวลงแล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดวันศุกร์ (28ก.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด หลังจากที่ปิดลบในวันก่อนหน้า และเมื่อประเมินรวมทั้งสัปดาห์แล้ว ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (ดัชนีดาวโจนส์) ปรับตัวขึ้น 176.57 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 35,459.29 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.99% ปิดที่ 4,582.23 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 1.90% ปิดที่ 14,316.66 จุด
การซื้อขายที่ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก วันนี้ได้รับแรงหนุน หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 3.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 4.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ข้อมูลดังกล่าวถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้น ยังได้รับอิทธิพลจากผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ด้วย โดยหุ้นอินเทลปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.53% ขานรับการที่บริษัทกลับมาทำกำไรอีกครั้ง