4 หุ้นนิคมฯ รับอานิสงส์ นายก 'เศรษฐา' หนุนลงทุน เตรียมโรดโชว์สหรัฐ 18-24 ก.ย.

4 หุ้นนิคมฯ รับอานิสงส์ นายก 'เศรษฐา' หนุนลงทุน เตรียมโรดโชว์สหรัฐ 18-24 ก.ย.

4 หุ้นนิคมอุตสาหกรรม รับอานิสงส์ นายก 'เศรษฐา' หนุนการลงทุน เตรียมโรดโชว์สหรัฐ 18-24 ก.ย. นี้ ด้าน ตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยขับดันใหม่ นักลงทุนติดตามกิจกรรมของนายกรัฐมนตรี รอแถลงนโยบาย 11 ก.ย. นี้

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้บอกถึงภาพรวมตลาดต่างประเทศว่า ยังซึมและอาจมีแรงทำกำไรหลังรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว ซึ่งตลาดรอมุมมองการเติบโตทางเศรษฐกิจและมุมมองนโยบายการเงินผ่าน มุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot plot) ที่จะเปิดเผยหลังประชุม 20 ก.ย.นี้  

ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่บานปลายจนล่าสุด จีนมีแนวโน้มสั่งห้ามข้าราชการใช้ไอโฟน ส่งผลกระทบต่อหุ้น APPLE และผู้ผลิตชิ้นส่วนในห่วงโซ่ กดดันต่อหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังอยู่ในระดับสูง และการแข็งค่าของดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) จะสร้างแรงกดดันเชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง

ขณะที่ภาพการลงทุนในประเทศเคลื่อนไหวตามกิจกรรมของนายกรัฐมนตรี และการแถลงนโยบาย 11 ก.ย.66 บรรยากาศลงทุนในประเทศโดยรวมทรงตัวโดยมีแรงเก็งกำไรและทำกำไรมาจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามา ได้แก่ 

1.การปรับลดเป้า GDP ปี 2566 ของหน่วยงานต่างๆ ล่าสุด กกร.ปรับลด GDP เหลือ 2.5-3.0% สอดคล้องกับสภาพัฒน์ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์และอาจกระทบต่อธนาคารในระยะต่อไป 

2.การหาเงินมาสนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจจะมาจากการขายหุ้นกองทุนวายุภักย์ ทำให้มีแรงทำกำไรหุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่
 
3.นายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบเลขาบีโอไอ หารือเรื่องส่งเสริมการลงทุน และการเตรียมการโรดโชว์ที่ประเทศสหรัฐฯ 18-24 ก.ย. เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมฯ ทั้ง AMATA, WHA, ROJNA, PIN

นอกจากนี้ ภาพรวมกลยุทธ์ลาดปรับฐานสู่แนวรับ 1,540-1,550 จุด และแนวต้าน  1,560 จุด ซึ่งเป็นระดับที่มีโอกาสลุ้นฟื้นตัว กลุ่มที่น่าสนใจช่วงนี้คือ 
1.หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่มีการถือครองต่ำ 
2.กลุ่มที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะออกมาดีหรือดีต่อเนื่อง ได้แก่ พลังงาน ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ 
3.หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยหุ้นเด่นที่ชอบในช่วง ก.ย.-ธ.ค. ได้แก่ PTTEP, TOP, PTG, OR / CPAXT, TIDLOR / AOT, AWC, SPA / CPN, AP

ส่วนประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ จีนส่งออกลดลงติดต่อกัน โดยลดลง 8.8% yoy ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศชะลอตัวลง แต่ปรับตัวลงน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 14.5% yoy และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 9.2% yoy ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3% yoy ซึ่งน้อยกว่าในเดือนก.ค.ที่ร่วงลง 12.4% yoy และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 9% yoy
  
ขณะที่ กกร.หั่นจีดีพีไทย –จาก 3.0-3.5% เหลือ 2.5-3.0% แนะรัฐเร่งส่งมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน ทั้งการลดภาระรายจ่ายค่าไฟและราคาน้ำมัน ผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน พร้อมพิจารณามาตรการเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้

นอกจากนี้ สายสีส้มรอคำสั่งศาลชี้ขาด ซึ่ง นายสุริยะ ยืนยันต้องรอทุกคดีในศาลฯ ได้ข้อยุติทั้งหมดก่อนเดินหน้าต่อ มีความเป็นไปได้ 2 แนวทาง เดินหน้าเซ็นสัญญา BEM หรือเปิดประกวดราคาใหม่ พร้อมสั่ง AOT เร่งขยายตารางการบินรองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน ดันโครงการค้างท่อ รถไฟทางคู่สายขอนแก่น-หนองคาย ส่วนค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รออีก 2 ปี

ส่วนจัดสรรตารางบินดึงจีน สุริยะประสานสุทินจัดสรรตารางบินกองทัพอากาศมาให้เที่ยวบินพาณิชย์จีน ขนนักท่องเที่ยวเข้าไทยเป็นการชั่วคราว รับนโยบายฟรีวีซ่าจีนตุลาคม คาดเพิ่มอีก 100 เที่ยวต่อวัน ด้าน AOT โชว์ตารางฤดูหนาวทั้ง 6 ท่าอากาศยาน เที่ยวบินเพิ่มเฉลี่ยราว 300 เที่ยวบินต่อวัน สุวรรณภูมิผู้โดยสารจะแตะ 1.9 แสนคนต่อวัน จ่อปรับเป้าผู้โดยสารปี 2567

และ ประเด็นติดตาม

  • 11 ก.ย. แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
  • 12 ก.ย. ประชุมครม.นัดแรก
  • 13 ก.ย.– US CPI 
  • 14 ก.ย. ECB Interest Rate Decision, US PPI, Retail Sales
  • 15 ก.ย. - CH Industrial Production
  • 18-24 ก.ย. BOI โรดโชว์พบนักลงทุนสหรัฐฯ
  • 27 ก.ย. ประชุม กนง. ซึ่งธปท.จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ลง