เช็ก 7 หุ้นกลุ่มโรงแรม ‘รัฐบาล เศรษฐา’ จัดโปร ‘ฟรีวีซา’ อัพไซด์เหลืออื้อ

เช็ก 7 หุ้นกลุ่มโรงแรม ‘รัฐบาล เศรษฐา’ จัดโปร ‘ฟรีวีซา’ อัพไซด์เหลืออื้อ

มาตรการฟรีวีซ่าชั่วคราวนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถาน หุ้นกลุ่มโรงแรมรับอานิสงส์ ยังเหลืออัพไซด์อื้อ DUSIT เหลือมากสุด 53.11% "โบรก" แนะ หุ้น CENTEL ERW AWC น่าสนใจ เหตุมีโรงแรมในประเทศค่อนข้างมาก

หลังจากที่ ‘นายกฯ เศรษฐา’ เดินหน้าเต็มสูบในโหมดท่องเที่ยวหวังพลิกโฉมประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ อัดแคมเปญ ‘วีซาฟรีชั่วคราว’ ในการเดินทางเข้าประเทศไทย ให้กับนักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน ฉะนั้นแล้ว หุ้นกลุ่มโรงแรม จึงถูกจับตาจากนักลงทุนอย่างมาก ว่าจะสามารถปรับราคาขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ 

ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า หุ้นกลุ่มโรงแรมถึอว่ามีความน่าสนใจมาก ๆ แต่กลุ่มโรงแรมในบ้านเราต้องดูให้ดี เพราะเนื่องจากมีหุ้นบางตัวที่มีพอร์ตต่างประเทศค่อนข้างเยอะ เช่น MINT ขณะที่ CENTEL มีพอร์ตในประเทศค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น หุ้น CENTEL น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า MINT ขณะเดียวกันหุ้นที่มองว่า เด่นสุดในกลุ่มจะเป็นหุ้น ERW  

สำหรับมาตรการที่รัฐบาลนำมากระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเปิดให้นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน เดินทางท่องเที่ยวในไทยโดยไม่ต้องขอวีซา จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า น่าจะไม่ได้เยอะมากอย่างที่คาดหวัง เหตุผลเพราะว่า มาตรการจะเริ่มใช้ใน 25 ก.ย. ขณะที่ วันชาติจีน 1 ต.ค.นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีการวางแผนล่วงหน้าท่องเที่ยวอย่างน้อย ๆ 1 เดือน 

“มาตรการนี้ดี แต่น่าจะมาตอนสิ้นเดือน ส.ค. 66 จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวได้ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/66 จำนวนนักลงทุนจะดีขึ้นมาได้บ้าง”

นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือ ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวคนจีนส่วนใหญ่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกนอกประเทศ เนื่องจากว่า จีนไม่ได้มีการสนับสนุนให้คนจีนออกมาเที่ยวนอกประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจจีนไม่ได้ฟื้นตัวดีอย่างที่คิด และยอดเงินออมของคนจีนพีคที่สุดในรอบ 4 ปี นั่นแปลว่า คนจีนไม่ค่อยสบายใจกับการใช้จ่ายเงิน 

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มโรงแรมยังเป็นกลุ่มที่น่าลงทุน อย่าง หุ้น ERW งบมีการ turnaround ชัด และน่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง บวกกับ Valuation ที่ยังไม่ได้สูงมาก ถือเป็นหุ้น top pick

วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มโรงแรมถือว่าได้รับประโยชน์หลังจากที่รัฐบาลประกาศ วีซ่าฟรี ดังนั้นจึงเป็นการหนุนให้นักท่องเที่ยวจีน หรือซัคสถาน เดินทางเข้ามาประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันรุนแรง ซึ่ง หุ้น MINT มีรายได้เข้ามาประมาณ 70-80% มาจากฝั่งยุโรป แต่ถ้ามีเป็นหุ้นที่เน้นนักลงทุนชาวต่างชาติในประเทศ มองว่า หุ้น CENTEL ERW หรือ AWC จะได้ประโยชน์ที่สุด เนื่องจากว่า มีพอร์ตโรงแรมที่อยู่ในประเทศไทยค่อนข้างมาก อย่าง CENTEL และ ERW ประมาณ 70-80% อยู่ในประเทศไทยหมด ขณะที่ AWC ประมาณกว่า 90% ที่อยู่ในไทย

แนะนำนักลงทุน มองว่า หุ้น CENTEL จะมีความน่าสนใจที่สุด เพราะว่า ผลประกอบไตรมาส 2/66 ปรับลดลงมาค่อนข้างเยอะ เป็นเพราะว่าในช่วงไตรมาส 2/66 CENTEL มีการเปิดโรงแรมที่โอซาก้า ในช่วงนั้นที่มีการเปิดโรงแรมปรากฎว่า รายได้ยังไม่ได้เข้ามามาก และมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายเข้ามาค่อนข้างเยอะ  เลยทำให้ราคาหุ้นมีการรปรับฐานลงมา ซึ่งมองว่า เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปสะสม เพราะหลังจากนี้จะเข้าสู่วันชาติจีน ช่วงประมาณ 1 ต.ค. จึงคาดหวังว่า ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะได้เห็นนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นบวกต่อกลุ่มโรงแรม ขณะที่ หุ้น ERW ณ ปัจจุบันราคาค่อนข้างแพง ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์โดยตรงคือ AOT

 

7 หุ้นโรงแรม รัฐบาลเศรษฐา จัดโปร "ฟรีวีซา"

ทั้งนี้ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ได้สำรวจ 7 หุ้นโรงแรม หลัง รัฐบาลเศรษฐา จัดโปร "ฟรีวีซา" ยังเหลืออัพไซด์เหลืออื้อ

1.บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT

  • มาร์เก็ตแคป 176,267.63 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 41.85 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 31.75 บาท 
  • Upside 31.81%

2.บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC 

  • มาร์เก็ตแคป 130,569.56 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 5.90 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 4.12 บาท 
  • Upside 43.20%

3.บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา หรือ CENTEL 

  • มาร์เก็ตแคป 64,125.00 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 53.24 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 47.75 บาท 
  • Upside 11.49%

4.บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR 

  • มาร์เก็ตแคป 10,277.81 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 3.81 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 2.86 บาท 
  • Upside 33.21%

5.บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป หรือ ERW

  • มาร์เก็ตแคป 24,923.58 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 6.04 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 5.60 บาท 
  • Upside 7.85%

6.บมจ.บริษัท ดุสิตธานี หรือ DUSIT 

  • มาร์เก็ตแคป 9,010.00 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 16.23 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 10.60 บาท 
  • Upside 53.11%

7.บมจ.วีรันดา รีสอร์ท หรือ VRANDA

  • มาร์เก็ตแคป 2,189.82 ล้านบาท 
  • ราคาเป้าหมายที่ 8.10 บาท 
  • ราคา ณ 14 ก.ย.66 ปิดที่ 6.90 บาท 
  • Upside 17.39%

เช็ก 7 หุ้นกลุ่มโรงแรม ‘รัฐบาล เศรษฐา’ จัดโปร ‘ฟรีวีซา’ อัพไซด์เหลืออื้อ