Black Monday ความ “เสี่ยง” เขย่า “ตลาดหุ้น”

Black Monday    ความ “เสี่ยง” เขย่า “ตลาดหุ้น”

สงครามอิสราเอล – กลุ่มฮามาส ได้กลายเป็นสถานการณ์ตึงเครียด และอาจจะลุกลามเหมือนสงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ยังไม่จบสิ้นเพียงแค่มอดเชื้อไฟแต่รอการปะทุ เนื่องจากพัฒนาการในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังดึงเอาชาติอาหรับเข้ามาร่วมสู้รบด้วย

        เมื่อเกิดความยืดเยื้อ – บานปลาย และดูท่าจะทวีความรุนแรงทำให้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร จึงทำให้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เปิดฉากถล่มของกลุ่มฮามาส (7 ต.ค.66) หุ้นร่วงหนักทุกตลาด และการตอบโต้ทันควันของอิสราเอลด้วยการประกาศให้ชาวปาเลสไตน์จำนวน 2 ล้านคน อพยพภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อถล่มบ้านเรือนเกิด “วันจันทร์ทมิฬ” หรือ Black Monday หุ้นทั่วโลก

        สำหรับตลาดหุ้นไทยดัชนีลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ 1,416 จุด (16 ต.ค.66) แรงขาย 30 จุด จนทั้งปีดัชนี -26 %  หรือลดลงไป 200 จุด  ขณะที่ภายใน 6 เดือน   -20.71 % และ ภายใน 3 เดือน -3.72%  และต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิตั้งแต่ต้นปี  1.63 แสนล้านบาท

        เปรียบเทียบตลาดหุ้นอื่นในเอเชียด้วยกันดัชนี SET ไทยปรับตัวลดลงอันดับ 1 รองลงมาตลาดหุ้น Nikkei ญี่ปุ่น ลดลง 2.03%   ตลาดหุ้น VN30 เวียดนาม  ลดลง 1.15%  ตลาดหุ้น KOSPI เกาหลีใต้  ลดลง 0.88% ตลาดหุ้น Hang Seng ฮ่องกง  ลดลง  0.84%  และตลาดหุ้น Taiwan Weighted ไต้หวัน ลดลง 0.26%  

         หุ้นไทยปรับตัวลดลงแรง และหนักกว่าตลาดอื่นๆ จากก่อนหน้าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว  ขณะที่กำไร บจ. ไม่ได้เติบโตสูง รวมทั้งการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จากการกู้ผ่านงบประมาณหรือผ่านรัฐวิสาหกิจ 5.6 แสนล้านบาท เกิดความเสี่ยงถูกลดเครดิตประเทศ

       ดังนั้นเมื่อ เกิดภาวะความเสี่ยงหรือ  Risk Off  ทำให้ Fund Flow ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย   อาทิ ราคาทองคำล่าสุดเพิ่มขึ้น 3.11% ปิด  1,941.50 ต่อออนซ์  และทองในประเทศปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเกือบแตะ 33,000  บาทต่อบาททองคำ เป็นระดับ All  time high

ส่วนราคาน้ำมันดิบสะท้อนความกังวลใจได้เป็นอย่างดีในพื้นที่ดังกล่าว ในฐานะเป็นแหล่งผู้ผลิตน้ำมัน  ราคา  WTI และ  Brent ทะลุ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกครั้งเป็นระดับราคาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล

         หากความขัดแย้งขยายวงกว้างไปยังประเทศอื่นๆ อาวุธพลังงานจะถูกใช้เป็นอันดับแรก อย่าง น้ำมัน –ก๊าซธรรมชาติเหมือนที่เกิดขึ้นกับรัสเซีย-ยูเครน และหากราคาน้ำมันขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลกดดันเศรษฐกิจโลกกลับมาเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ และแก้ไขด้วยการขึ้นดอกเบี้ยไปสกัดเช่นเคยจากปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศระดับที่สูงอยู่แล้วเช่น สหรัฐ

       จากพื้นที่ชนวนความขัดแย้งอิสราเอล–กลุ่มฮามาส โดยมีพื้นที่บ้านเรือน และชาวปาเลสไตน์เป็นตัวประกันถูกโจมตีตอบโต้อย่างหนักจากอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ 14 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา และหยุดยิงวันอาทิตย์  15 ต.ค.2566 จนทำ ชาติมุสลิมแสดงจุดยืนถ้วนหน้า  ภูมิศาสตร์ประเทศทางเหนือติดเลบานอน และซีเรียทางใต้ติดอียิปต์ และตะวันออกติดจอร์แดน ถัดไปเป็นซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน  ซึ่งแต่ละประเทศมีกองทัพ และนักรบติดอาวุธแทบทั้งสิ้น  

       สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว "กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์" จากเลบานอนได้ยิงขีปนาวุธใส่ชตูลา (Shtula) ตอนเหนือของอิสราเอลใกล้ชายแดนเลบานอน  และรายงานว่าซาอุฯ ตัดสินใจระงับการเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอล เนื่องจากมีความเป็นกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในฉนวนกาซา และอิหร่านเตือนจะไม่อยู่เฉยหากอิสราเอลบุกฉนวนกาซา รวมทั้งการออกมาประท้วงตามเมืองใหญ่ และชาติมุสลิมเคียงข้างชาวปาเลสไตน์

      ด้านอิสราเอลมีพันธมิตรแนบแน่นอย่างมากคือ สหรัฐ ซึ่งสุ่มเสียง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชัดเจน ยืนยันคงให้การสนับสนุนอิสราเอล  แต่พร้อมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์โดยเฉพาะพื้นที่ฉนวนกาซา

       ชาติมหาอำนาจอื่น รัสเซีย ได้แสดงท่าทีชัดเจนเช่นกันพร้อมเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งจีน เรียกร้องให้หยุดยิง และดำเนินการข้อตกลงหยุดยิงในเวทีสหประชาชาติโดยเร็วที่สุด 

     ความปั่นป่วนสงคราม และการเมืองภูมิรัฐศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไปจะทำให้ตลาดหุ้นเผชิญแรงกดดันไม่จบสิ้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์