หุ้นไทย ดิ่ง 18 จุด บอนด์ยิลด์พุ่ง กลุ่มค้าปลีกผิดหวังนโยบายเงินดิจิทัลฯ
หุ้นไทย ภาคเช้า ร่วงหล่นลงมาที่ระดับ 1,383.04 จุด หรือ ลดลง 18.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.33% หลังบอนด์ยิลด์กลับมาพุ่งอีกครั้ง รวมถัึงนโยบายเงินดิทัลวอเล็ต 10,000 บาท ปรับเกณฑ์ใหม่ ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกดิ่งหนัก โบรก แนะ ชะลอการลงทุน แม้หุ้นราคาจะถูกในช่วงนี้
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้าวันนี้ (26 ต.ค.66) ยังคงได้รับความผันผวน หลังจากที่บอนด์ยิลด์สหรัฐ กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้"หุ้นไทย" (เวลา 11.40 น.) อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,400 จุด ร่วงหล่นลงมาที่ 1,383.04 จุด หรือ ลดลง 18.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.33%
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า แรงกดดันจากสงครามตะวันออกกลางดูคลายตัวลงไปในระดับหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนเริ่มไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ดังนั้น ณ ขณะนี้ประเด็นของสงครามจึงไม่ใช่ประเด็นหลักของแรงกดดันตลาดหุ้นไทย
แต่ประเด็นที่เข้ามากดดันต่อตลาดหุ้นไทยหลัก ๆ ใน ณ ขณะนี้มาจากบอนด์ยิลด์อายุ 10 ปี เริ่มกลับขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่วานนี้ (25 ต.ค.66) ปรับตัวลดลงมา ทำให้หุ้นไทยกลับมาฟื้นตัวได้ แต่วันนี้ (26 ต.ค.66) ที่บอนด์ยิล์ปรับขึ้นมา จากการรายงานของสหรัฐตัวเลขยอดขายบ้านมือหนึ่งปรากฎว่า สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก
แต่การที่ยอดขายบ้านออกมาดีนั้น เป็นการบ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความร้อนแรงจากการจับจ่ายใช้สอย หรือแม้แต่กระทั่งการบริโภคต่าง ๆ ซึ่งความความร้อนแรงดังกล่าวส่งผลให้เงินเฟ้อยังคงสูงและปรับลงได้ค่อนข้างยาก อาจทำให้อัตราดอกเบี่้ยอยู่ในระดับสูงต่อไป หรืออาจจะไม่ได้ปรับลดลงมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ถือว่า ยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากว่า ตลาด ณ ขณะนี้ต้องการเห็นสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ได้รับแรงกดดันปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง ซึ่งกลุ่มที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวเป็นหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยเฉพาะ หุ้น DELTA ที่วันนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง ลงมาเกือบ 6 บาท ได้ จึงเป็นจึงอีกหนึ่งแรงกดดันตลาดหุ้นไทยด้วย
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงกดดันภายในประเทศจากนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งอาจจะมีการจำกัดให้แค่บางคนบางกลุ่มไม่ได้ให้กับทุกคน เหมือนกับช่วงก่อนหน้านี้นโยบายว่า ทุกคนอาจจะได้รับ แต่ขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ลงมา ให้กับคนที่มีรายได้น้อย ทำให้วงเงินลดลง ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการบริโภค ซึ่งจะเห็นว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีก อย่าง CPALL ปรับตัวลงมาเช่นกัน
แนะนำนักลงทุนว่า ช่วงนี้ควรชะลอการลงทุนไปก่อน ตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวนอยู่ แม้ว่าช่วงนี้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างถูก แต่แรงผลักที่จะพาให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นยังไม่มี