GULFคาดรายได้ปีหน้าแตะ2แสนล้าน เหตุโรงไฟฟ้าทยอยCODเพียบ

GULFคาดรายได้ปีหน้าแตะ2แสนล้าน เหตุโรงไฟฟ้าทยอยCODเพียบ

GULF คาดรายได้ปีหน้าแตะ 2 แสนล้าน โต40% จากปีนี้ เหตุ มีโรงไฟฟ้าทยอยCOD-ส่วนแบ่งกำไรลงทุนเพิ่ม พร้อมมั่นใจปีนี้ตามเป้าโต 50% จากปี 65 ที่มีรายได้ 9.5 หมื่นล้าน  บล.ยูโอบีฯคาดกำไรปกติไตรมาส3/66 โตเกิน70% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  บล.หยวนต้า ชี้ ไตรมาส4กำไรนิวไฮ พร้อมอัปกำไรปีหน้าเพิ่มเป็น 1.72หมื่นล้าน   

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2567 เติบโตเกือบ 40% หรือแตะ 200,000 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทจะมีโครงการโรงไฟฟ้าที่กำหนดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์(COD)หลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ พีดี(GPD) ยูนิตที่ 3 และ 4 (แต่ละยูนิตมีกำลังการผลิตละ662.5 เมกะวัตต์) ในเดือนมี.ค. และ ต.ค. 2567 ,โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ,โครงการโซลาร์รูฟท็อปที่จะทยอยขายไฟฟ้า 

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบ ติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems)ที่บริษัทชนะประมูลจำนวน 12 โครงการ ซึ่งมีกำหนดจะCODในปีหน้าจำนวน 5 โครงการ กำลังผลิต 295 เมกะวัตต์  รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาที่ซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหลายโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการเข้าไปถือหุ้นบริษัทต่างๆ หรือลงทุนอื่นๆ เช่นศูนย์ซื้อขาสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker)​​ ของบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ซึ่งจะเริ่มดำเนินธุรกิจในช่วงปลายปีนี้   ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าโตได้ตามเป้าคือเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ 95,076.17 ล้านบาท 

 นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยคาดว่า กำไรปกติหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไตรมาส3 ปี 2566 อยู่ที่ 16,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ)และเติบโต 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) เป็นผลจากค่าก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลง 

 สำหรับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อมี 2ตัว คือ GULF และ BGRIM โดยGULF นั้นคาดว่ากำไรกำไรปกติไตรมาส 3 ปีนี้โต 87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  เพราะนอกจากที่ได้รับผลดีค่าก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงแล้ว ยังมีการรับรู้กำไรจากการเข้าถือหุ้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ INTUCH ซึ่งคาดว่ารับรู้กำไรได้ดี เพราะ จากที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC กำไรไตรมาสที่3ก็ออกมาดี 

ดังนั้นคาดว่าทั้งปีนี้GULF จะมีกำไรปกติเติบโต 50% จากปี 2565  และคาดว่าปี2567 กำไรเติบโต 16% จากปี 2566 โดยฝ่ายวิจัยให้ราคาเหมาะสม GULFปีหน้าอยู่ที่ 63 บาทต่อหุ้น  แต่คาดว่าบอนด์ยีลด์จะยังอยู่ระดับสูงในปีหน้า ซึ่งจะกดดันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เพราะ มีต้นทุนทางการเงินเงินที่สูง  ทำให้ได้ผลตอบแทนการลงทุนที่ต่ำกว่า การซื้อตราสารหนี้ที่อาจให้ผลตอบแทน 4-5% 

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปกติของGULFไตรมาส3ปี 2566 อยู่ที่ 3,820 ล้านบาท  เติบโต7% QoQ และเพิ่มขึ้น 76% YoY โดยการเติบโตที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหลังได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่ COD ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (โรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 4 และโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่1)

รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson ในสหรัฐฯ หลังเข้าลงทุนในเมื่อไตรมาส1 ปี 2566 และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่คาดเติบโตราว 31% YoY และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศ (ภายใต้ GGC) ที่คาดสูงขึ้นราว 94% YoY หลังความเร็วลมสูงขึ้นมาก (มรสุมมีกาลังแรงกว่าปีปกติ)

 ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่คาดเติบโตขึ้น 10% QoQ  ,ปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในประเทศและการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ราว 300 ล้านบาท พลิกจากส่วนแบ่งขาดทุน -178 ล้านบาทใน 2ปี 2566 จากปัจจัยฤดูกาล (ฤดูร้อนในสหรัฐฯ)

ส่วนไตรมาส4ปี 2566 คาดว่ากำไรปกติอยู่ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท เติบโต YoY และ QoQ รวมถึงทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้ แม้ได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าไฟฟ้างวด ก.ย. - ธ.ค. 2566 ลงเป็น 3.99 บาทต่อหน่วย เนื่องจากคาดการเริ่ม รับรู้รายได้จากการ COD โรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 2 ขนาด 662.5 เมกะวัตต์ และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีแนวโน้มเติบโต QoQรวมถึงปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศ จะสามารถชดเชยผลกระทบได้

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมีการปรับกำไรปี 2567 ขึ้นเล็กน้อยจากการรวมโครงการใหม่ไว้ในประมาณการเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา GULF ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการเข้าลงนามในสัญญา PPA กับกฟผ. สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับคัดเลือกในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบ 5.2 พันเมกะวัตต์ ของ กกพ. จำนวน 12 โครงการ กำลังผลิตรวม 649 เมกะวัตต์  กำหนดCOD ในปี 2567  จำนวน 5 โครงการ 295 เมกะวัตต์ และโครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2568 จำนวน 7 โครงการ354 เมกะวัตต์

 ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงมีการปรับกำไรปี 2567 ขึ้นราว 1% เป็น 17,292 ล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน  (บนสมมติฐานโครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2567 จะทยอย COD ในช่วงครึ่งปีหลัง2567 โดยให้ราคาเหมาะสมปีหน้าที่ 47.50 บาทต่อหุ้น มีอัปไซด์ 9.8% ในช่วงสั้นคาดราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้จากแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส3ปี 2566 ที่สามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ