ตรวจแถว 5 หุ้นกลุ่ม JMART มาร์เก็ตแคปดิ่งเหว ตั้งแต่ต้นปี 66 กว่า 1.27 แสนล้าน

ตรวจแถว 5 หุ้นกลุ่ม JMART มาร์เก็ตแคปดิ่งเหว ตั้งแต่ต้นปี 66 กว่า 1.27 แสนล้าน

ตรวจแถว 5 หุ้นกลุ่ม JMART มาร์เก็ตแคปดิ่งเหว ตั้งแต่ต้นปี 2566 กว่า 1.27 แสนล้านบาท หุ้น JMT มาร์เก็ตแคปลดลงมากสุดกว่า 62,728 ล้านบาท 

มรสุมหุ้นกลุ่ม JMART ยังไม่จบสิ้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 3/66 ออกมาแล้วทั้ง 5 หลักทรัพย์ของกลุ่ม ผลงานยังไม่เข้าตา ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันล่าสุด ยังมีกระแสข่าวหนาหูในแวดวงตลาดหุ้นไทยว่า หุ้นในกลุ่ม JMART เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการชอร์ตเซลหุ้นของบริษัทย่อยอย่าง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด แม้ผู้บริหารจะออกมาชี้แจงปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง คำสั่งขายดังกล่าวที่ปรากฏ ไม่ใช่คำสั่งขายหุ้นจากบริษัท และบริษัทไม่ได้มีธุรกรรมให้ยืมหุ้นกับนักลงทุนรายใด แต่ก็ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นไม่น้อยต่อการลงทุนของหุ้นกลุ่ม JMART

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูมาร์เก็ตแคปหุ้นกลุ่ม JMART ทั้ง 5 หลักทรัพย์ ตั้งแต่ต้นปี 66 พบว่า มาร์เก็ตแคปหายวูบร่วม 1.27 แสนล้านบาท

1.บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT

  • มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 65 อยู่ที่ 100,681.27 ล้านบาท

       มาร์เก็ตแคป ณ 16 พ.ย.66 ที่ 37,953.23 ล้านบาท 

       ลดลง 62,728.04 ล้านบาท 

  • ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 69.00 บาท 

       ราคาปิด 17 พ.ย.66 ที่ 26.50 บาท 

       ลดลง 42.50 บาท 

       ผลตอบแทน YTD -61.59%

2.บมจ.เจ มาร์ท หรือ JMART 

  • มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 65 อยู่ที่ 58,148.31 ล้านบาท 

       มาร์เก็ตแคป ณ 16 พ.ย.66 ที่ 22,301.66 ล้านบาท 

       ลดลง 35,846.65 ล้านบาท

  • ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 40.75 บาท 

      ราคาปิด 17 พ.ย.66 ที่ 15.20 บาท 

      ลดลง 25.55 บาท 

      ผลตอบแทน YTD -62.70% 

3.บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER

  • มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 65 อยู่ที่ 23,640.16 ล้านบาท 

      มาร์เก็ตแคป ณ 16 พ.ย.66 ที่ 8,538.62 ล้านบาท 

      ลดลง 15,101.54 ล้านบาท 

  • ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 28.75 บาท 

      ราคาปิด 17 พ.ย.66 ที่ 10.60 บาท 

      ลดลง 18.15 บาท 

     ผลตอบแทน YTD -63.13%

4.บมจ. เอสจี แคปปิตอล หรือ SGC

  • มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 65 อยู่ที่ 16,219.20 ล้านบาท 

      มาร์เก็ตแคป ณ 16 พ.ย.66 ที่ 4,447.20 ล้านบาท 

      ลดลง 11,772 ล้านบาท 

  • ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 4.96 บาท 

      ราคาปิด 17 พ.ย.66 ที่ 1.40 บาท

      ลดลง 3.56 บาท 

     ผลตอบแทน YTD -71.77%

5.บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J

  • มาร์เก็ตแคป สิ้นปี 65 อยู่ที่ 4,379.09 ล้านบาท 

      มาร์เก็ตแคป ณ 16 พ.ย.66 ที่ 2,850.97 ล้านบาท 

      ลดลง 1,528.12 ล้านบาท 

  • ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 3.84 บาท 

      ราคาปิด 17 พ.ย.66 ที่ 2.50 บาท 

      ลดลง 1.34 บาท 

      ผลตอบแทน YTD -34.90%

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า หลังจากที่กระแสข่าวของหุ้นกลุ่ม JMART เป็นระยะๆ ส่งผลให้นักลงทุนอาจจะมีความกังวลหลายอย่าง เช่น ช่วงต้นปีที่มีข่าวผู้บริหารถูกโดนบังคับให้ขายหุ้น เป็นต้น ทั้งนี้ สิ่งที่ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ต้องการพยายามสร้างให้กลุ่มธุรกิจของตนเองมี synergy ระหว่างกัน 

ซึ่งถ้าดูภาพการต่อจิ๊กซอว์ใหญ่ๆ มีบริษัทที่ขายมือถือ มีบริษัทที่ตามเก็บหนี้ และแทนที่จะต้องนำกำไรจากการปล่อยกู้ไปให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน จึงนำในส่วนนี้มาเป็นกำไรของบริษัทตนเองแทน และไป acquire หุ้น SINGER มา ขณะเดียวกันในแต่ละพื้นที่ต้องมีการบริหารพื้นที่เช่าไปด้วย ซึ่งมองว่า อาจจะตั้งโจทย์หรือแนวคิดจากความตั้งใจที่ดี ในการที่จะต้องการสร้าง ecosystem ของธุรกิจให้สามารถตอบโจทย์เชื่อมโยงกันได้ เช่น ขายโทรศัพท์ไปแล้วหากมีหนี้เสียก็ยังมีบริษัทเข้ามาเก็บหนี้

แต่อย่างไรก็ตาม หากดูภาพที่ซ้อนกันของธุรกิจจะมีความเสี่ยงที่เชื่อมโยงต่อกันไปด้วย ซึ่งหากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจที่ดีอาจจะไม่มีปัญหา แต่หากอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี หนี้เสียมีมากจะกลายเป็นแรงฉุดให้ผลประกอบการทั้งกลุ่มได้ เช่น ยอดขายมือถืออาจจะไม่ดี ขณะที่หนี้ที่ปล่อยออกไปอาจจมีความหละหลวมเกินไป ทำให้มีการเก็บหนี้ไม่ได้ จนทำให้ต้องมีการตั้งสำรองขึ้น

“วิธีคิดตอนแรกอาจจะถูก แต่ปัญหาคือ ภาคการปฏิบัติเวลาที่มีความเกี่ยวโยงกันจริง พอมีทุกอย่างด้วยตัวเองเลยทำให้ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานที่ดีได้ เลยกลายเป็นว่า พอไม่ดีก็ส่งผลกระทบไปทั้งกลุ่ม”

ขณะที่ หากมองในโครงสร้างถือหุ้นจะเป็นของ JMART ถือ JMT ซึ่งกำไรส่วนใหญ่ของ JMART ก็จะมาจาก JMT ที่เป็นก้อนใหญ่ พอ JMT ต้องประสบกับผลกระทบจากการเก็บหนี้ได้น้อยลง หรือมีการชะลอตัวลงไป หรือมีการตั้งสำรองที่โดนผลกระทบมาจาก SINGER จึงทำให้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นไปทั้งกลุ่ม 

ขณะเดียวต้องยอมรับว่า ธุรกิจของทั้งกลุ่มมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบได้ หากกำลังซื้อของผู้บริโภคเกิดการชะลอตัว ซึ่งสินค้าของ JMART ที่ขายจะไม่ได้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมากๆ อย่างของหุ้น COM7 จึงทำให้เกิดความผันผวนจากเศรษฐกิจที่อ่อนกำลังลงมากกว่า 

นอกจากนี้ ผลกระทบต้นทุนทางการเงินมีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ JMT เพราะการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ต้นทุนการได้มาคือ การกู้ยืม เพราะฉะนั้นเวลาดอกเบี้ยขึ้นสูงนั้นแปลว่า ต้นทุนในส่วนนี้จะทำให้ผลตอบแทนจากการเก็บหนี้เกิดการชะลอลง 

ส่วนกระแสข่าวล่าสุดที่ออกมาจากกลุ่ม JMART ว่ามีการเข้าไป Short Sale นั้น ไม่สามารถยืนยันได้ ส่วนตัว ยังไม่แน่ใจ เพราะในส่วนที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้แปลว่า บริษัทจะเป็นคนทำ ซึ่งอาจจะเป็นคนอื่นเข้ามาทำก็ได้ 

แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามา Short Sale นั้น คนที่ทำจะต้องคิดว่า หุ้นตัวนั้นมีราคาแพง ที่มี Valuation สูง หรือกำไรมีปัญหา โอกาสในการทำแล้วสำเร็จจะง่ายกว่า หรือโอกาสที่นักลงทุนอื่นๆ จะตามมาด้วยก็จะมีมากกว่าเช่นกัน จึงมองว่าจากสถานการณ์นี้ ในเคสแบบนี้มีโอกาสที่จะเข้ามาทำในหุ้นกลุ่มนี้ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า กิจการนั้นเชื่อมโยงกันทั้งกลุ่ม หากมีการ Short ลงมาสักตัวหนึ่ง หุ้นในกลุ่มตัวอื่นๆ ก็ต้องลงตามมาด้วย 

“ในมุมของผู้ที่ตั้งใจจะเข้ามา Short Sale ในหุ้นกลุ่ม JMART ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่มีโอกาสที่เข้ามาทำได้ เพราะว่า ธุรกิจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ กับต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างสูง และธุรกิจมีความเชื่อมโยงกันหากมีการ Short Sale หุ้นบางตัวในกลุ่ม มีโอกาสที่จะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมากับหุ้นในกลุ่มพร้อมๆ กัน ซึ่งจะไปเสริม เซนติเมนท์ และถ้ามีเป็นเป้าหมายได้สำหรับคนที่จะเข้าไปลงมือทำ” 


วีระวัฒน์  วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด FSS บริษัทในเครือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการของหุ้นกลุ่ม JMART ไม่มาตามที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้ว่าจะสามารถเติบโตแรง ขณะที่ก่อนหน้านี้ ค่า P/E ของกลุ่มค่อนข้างสูงมาก เทรด ค่า P/E อยู่ที่ประมาณ 30 - 40 เท่า พออัตราดอกเบี้ยเริ่มสูง ส่งผลให้หุ้นที่มีค่า P/E ที่เคยแพง กลับโดน Take Profit ลงมา 

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีกระแสข่าวของกลุ่ม JMART ในหุ้นบางตัวที่เข้าไป Short Sale ส่วนตัวยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ แต่โดยธรรมชาติของหุ้นกลุ่ม JMART ค่อนข้างที่จะผันผวนของราคาที่สูงกว่าหุ้นตัวอื่นๆ

ตรวจแถว 5 หุ้นกลุ่ม JMART มาร์เก็ตแคปดิ่งเหว ตั้งแต่ต้นปี 66 กว่า 1.27 แสนล้าน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์