โบรกฯ คัดหุ้นเด่น “SET ESG” ขานรับ กองทุนใหม่ TESG
โบรกเกอร์ คัดหุ้นเด่น “SET ESG” ขานรับ กองทุนใหม่ TESG “บล.เอเชีย”พลัส” แนะเรทติ้ง AAA - AA ถูกนักลงทุน SHORT SELL มากกว่า 1 พันล้าน ช่วง ก.ย.66-ปัจจุบัน “บล.หยวนต้า-บล.กสิกรไทย”ชี้เข้าสะสม ก่อนกองทุน TESG ปิด IPO “บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี” มองจัดพอร์ตผสมหุ้นใหญ่-กลาง
หลังจากกระทรวงคลังกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สรุปเกณฑ์มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนThailand ESG Fund (TESG) (ไม่ใช่กองทุนพยุงหุ้น แต่จะเป็นกองทุนคล้าย LTF) มีระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย โดยจะเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ธ.ค.66 นี้เป็นต้นไป กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมาย มีเม็ดเงินระดมทุน 10,000 ล้านบาทต่อปี
หลังรัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของ ดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX ) จากกองทุน TESG ที่มีโอกาสทำให้ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้น แน่นอน “ หุ้น ESG” กลับมาเป็นเป้าหมาย เพราะที่ผ่านมาหากลงทุนระยะยาว5ปีขึ้นไป ผลตอบแทนการลงทุนในดัชนี SETESG สามารถชนะดัชนีตลาด SET INDEX
ดังนั้น นักวิเคราะห์การลงทุนหุ้น ( โบรกเกอร์) คัด “หุ้นESG” เด่นในดัชนี SETESG ขานรับกองทุนใหม่ TESG ที่น่าสนใจลงทุน “เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่า ESG FUND เป็นภาพบวกต่อ SET INDEX ให้มีมูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคักอีกครั้ง คาดหวังเม็ดเงินหนุนช่วงที่เหลือของปี 20,000 -70,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับช่วงที่มีกองทุนประหยัดภาษี LTF ที่มีมูลค่าเม็ดเงินหนุนตลาดกว่า 60,000 -70,000 ล้านบาทต่อปี (เฉพาะเดือน ธ.ค. มีมูลค่าเม็ดเงินหนุนตลาดกว่า 20,000 ล้านบาท)
อีกทั้ง TESG FUND ยังมีความน่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ SETESG INDEX ชนะ SET INDEX ทุก TIMEFRAME กล่าวคือ SETESG INDEX มีความสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า SET INDEX ทั้งช่วงตลาดหมี และกระทิง
ดังนั้น คาดทำให้หุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SETESG INDEX ทั้ง 114 ตัว จะน่าสนใจขึ้น และเป็นเป้าหมายของ ACTIVE FUND และ PASSIVE FUND
กลยุทธ์การลงทุนเน้น แนะหุ้นที่อยู่ใน SETESG INDEX ที่ถูก SHORT มากๆ โอกาสได้เม็ดเงินใหม่หนุน บวกกับถูกCOVERED SHORT โดยมีเงื่อนไขการคัดกรอง ดังนี้
หุ้นใน SETESG เฉพาะที่มี RATING ระดับ AAA และ AA ถูกนักลงทุน SHORT SELL มากกว่า 1 ,000ล้านบาท ในช่วง ก.ย.66-ปัจจุบัน ซึ่งได้บริษัทที่น่าลงทุน คือ EA, BGRIM, GPSC, SCGP, PTTGC, HMPRO, GULF, CPALL, CRC, SCC, MINT, SIRI
“พิชัย ยอดพฤติการ” ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นเด่นรับกองทุน ESG มองบริษัทที่ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2566 ตั้งแต่ระดับ BBB-AAA จะมีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในหุ้น รวมถึงบางตังมีผลการดำเนินงานแนวโน้มเติบโตดี จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวและผลดีจากดังนี้ AMATA (กิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่แข็งแกร่ง มีแบ็คล็อกจำนวนมา) , CPAXT (โครงการดิจิทับวอลวอลเล็ตในปีหน้า), CPALL( การฟื้นตัวท่องเที่ยวและช่วงไฮซีซั่นปลายปี) ,TOP (ธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นตัวภายในปีหน้า)
แนะซื้อสะสมที่ SET index ประมาณ 1,400 จุด และสะสมให้ครบก่อนกองทุน TESG ปิดขายช่วงแรก ( IPO) เพราะกองทุนจะต้องลงทุนตามนโยบายกองทุน หลัง ปิด IPO
“ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนTESG ช่วยปิดช่องว่างระหว่างกองทุน SSF และ กองทุน LTF โดยกองทุน SSF ไม่มีการลงทุนในหุ้นไทย ซึ่งทำให้เม็ดเงินลงทุนในไทยหายไป แต่กองทุน TESG จะเน้นลงทุนหุ้นไทย และตราสารหนี้ไทย อีกทั้งยังช่วง ปิดจุดอ่อนเรื่องระยะเวลาลงทุนของ SSF ที่ต้องถือ 10 ปีเต็มที่ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่กองทุน TESG จะมีระยะเวลา 8 ปีเต็มแต่ก็ยังมากกว่าของกองทุน LTF ที่มีระยะเวลาลงทุน 7 ปฎิทินและลงทนหุ้นไทย
นอกจากนี้เห็นว่า เม็ดเงินลงทุน 100,000 บาทต่อราย ถือว่าน้อยไปโดยปีแรก ระยะเวลามีเพียงเดือนเดียว คือ ธ.ค.66 ก็อาจจะระดมเงินลงทุนได้ไม่มาก ทำให้เป้าหมายเม็ดเงินเข้าไหลเข้า ของTESG ที่ 10,000 ล้านบาท ความเป็นไปได้เพราะกองทุนSSF มีเม็ดเงินไหลเข้ามาต่อปีที่2,000-5,000 ล้านบาท ขณะที่กองทุน LTF มีเม็ดเงินไหลเข้ามาต่อปีถึง20,000 ล้านบาท
ดังนั้นคาดว่าในช่วงก่อนถึงสิ้นปีนี้จะมีเม็ดเงินใหม่จะกองทุนTESGไหลเข้ามา ให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังยืนเป้าหมายเดิมไว้ได้ที่ 1,470 จุด ไม่ปรับตัวลงมาเร็วอย่างในช่วงที่ผ่านมา
บล.หยวนต้าฯ คาดว่ากองทุน TESG จะอิง SET ESG Index เป็น Benchmark และจะคัดเลือกหุ้นตาม SET ESG Ratings ที่เพิ่งประกาศเมื่อ 6 พ.ย. ซึ่งมีทั้งสิ้น 193 หลักทรัพย์ คิดเป็น Market Cap. 75% ของทั้งตลาด โดยหุ้น 40 หลักทรัพย์แรก คิดเป็น 80% ของ Market Cap. ใน SET ESG Index
เราคาดว่ากองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาจะเน้นที่ 40 หลักทรัพย์แรกเป็นหลัก โดยอิง Ratings AAA และ AA ซึ่งหุ้นที่ได้Ratings AAA เช่น ADVANC, CPALL, KBANK, KTB, CPAXT, CRC, PTTGC, CPF, SCGP เป็นต้น แนะกลยุทธ์การลงทุน สะสมเข้าเก็งกำไร ให้ครบก่อนกองทุน TESG ปิด IPO
“จิติพล พฤกษาเมธานันท์” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) มองว่า กลุ่มหุ้น ESG ถ้าเลือก “บริษัทที่ได้คะแนนดีของไทย” มักจะได้บริษัทขนาดใหญ่ กลยุทธ์การลงทุนแนะว่านักลงทุนสามารถสะสมได้ต่อเนื่องอยู่แล้ว
แต่หาก “เลือกบริษัทที่คะแนนระดับกลาง” เช่น BBB จะได้บริษัทขนาดกลางและเล็กเข้ามาด้วย เช่น SEPPE SAWAD KKP ถือว่ามี อัพไซด์มากกว่าแต่ต้องดูความชัดเจนก่อนว่าบริษัทในกลุ่มไหนหรือเกณฑ์ของภาครัฐจะครอบคลุมไปถึงจุดไหน กลยุทธ์ที่แนะนำอาจเน้นกระจายกลุ่มธุรกิจโดยเลือกหุ้นใหญ่ที่เป็นผู้นำธุรกิจต่างๆและเรทติ้งดีผสมกัน เช่นKBANK PTT WHA ADVANC CRC ทั้งหมดนี้ ได้เรทติ้ง AAA