ดาวโจนส์ร่วงในกรอบแคบ ส่งท้ายปี ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง
ดัชนีดาวโจนส์ปิดวันศุกร์(29ธ.ค.)ปรับตัวร่วงลงเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายเบาบางในวันสุดท้ายของปี 2566 ด้วยความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปีหน้า
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 20.56 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 37,689.54 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.28% ปิดที่ 4,769.83 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.56% ปิดที่ 15,011.35 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นในระดับเลขสองหลักในปี 2566 โดยดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้นรายปีมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546 โดยดีดตัวขึ้นจากภาวะซบเซาในปีที่แล้ว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ด้วยการส่งสัญญาณของเฟดว่าจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้วและอาจลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีหน้า ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงจากระดับมากกว่า 5% ในปลายเดือนต.ค. มาอยู่ที่ต่ำกว่า 3.9% เมื่อวันพฤหัสบดี(28ธ.ค.) นักลงทุนยังมั่นใจมากขึ้นด้วยว่าสหรัฐจะสามารถทำ "soft landing" ได้สำเร็จ ซึ่งแปลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 70.1% ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนมี.ค. 2567
ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 นั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศจ่อเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้น 56.8% โดยได้ประโยชน์จากกระแสความคลั่งไคล้ใน AI และการพุ่งขึ้นของหุ้นระดับเมกะแคป ในขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยลดลง 10.1%
Nvidia และ Meta Platforms เป็นหุ้นในเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดประจำปีนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า
นักลงทุนทำการซื้อขายเบาบางในช่วงเทศกาล วันหยุด โดยตลาดจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 1 ม.ค. เนื่องใน วันขึ้นปีใหม่