ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ขณะวอลล์สตรีทใกล้ปิดฉากซื้อขายปี 66

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ขณะวอลล์สตรีทใกล้ปิดฉากซื้อขายปี 66

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(27ธ.ค.)ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดฉากการซื้อขายปี 2566 ในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 111.19 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 37,656.52 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.14% ปิดที่ 4,781.58 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น
 0.16%  ปิดที่ 15,099.18 จุด 

ทั้งนี้ หุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงลงสวนทางตลาด หลังถูกนิวยอร์กไทมส์ฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์

นิวยอร์กไทมส์ สื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศฟ้องบริษัทไมโครซอฟท์ และบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแชตบอต แชตจีพีที (ChatGPT) โดยกล่าวหาว่าบริษัททั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์สินทรัพย์ทางปัญญาของนิวยอร์กไทมส์

นิวยอร์กไทมส์ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงของสหรัฐในนครนิวยอร์ก โดยในคำฟ้องได้เรียกร้องให้ไมโครซอฟท์และ OpenAI รับผิดชอบต่อความเสียหายคิดเป็นวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดจากการคัดลอกและการใช้ผลงานที่มีคุณค่าและมีลักษณะเฉพาะของนิวยอร์กไทมส์อย่างผิดกฎหมาย

นิวยอร์กไทมส์ นับเป็นหนึ่งในองค์กรสื่อซึ่งได้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทหลายแห่งซึ่งเป็นผู้พัฒนารูปแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นก้าวหน้า โดยกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ใช้เนื้อหาจากสื่อของพวกเขาในการป้อนข้อมูลเพื่อพัฒนาโปรแกรม AI ดังกล่าว

ตลาดหุ้นสหรัฐทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2567 และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%

ตลาดจับตาปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปีนี้ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

ข้อมูลบ่งชี้ว่า ดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กต่างปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลง

ล่าสุด นายโรเบิร์ต แคปแลน อดีตประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าววานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า เนื่องจากเฟดต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

นายแคปแลนกล่าวว่า เฟดต้องการหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป ทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงต่อไป

"เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราเผชิญปัญหาเงินเฟ้อคือการที่เฟดใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินนานเกินไป แม้ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังดีดตัวขึ้น และผมคิดว่าเฟดไม่อยากทำผิดพลาดเหมือนกันเกี่ยวกับการใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงินนานเกินไป ขณะที่เศรษฐกิจและเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัวลง" นายแคปแลนกล่าวในรายการ "Squawk Box" ของสถานีข่าว CNBC

ทั้งนี้ การปรับตัวของดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กในเดือนธ.ค., ไตรมาส 4 และตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นดังนี้
    -ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 4.4% ในเดือนธ.ค., 12.1% ในไตรมาส 4 และ 13.3% ตั้งแต่ต้นปี 2566
    -ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนธ.ค., 11.4% ในไตรมาส 4 และ 24.4% ตั้งแต่ต้นปี 2566
    -ดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้น 6% ในเดือนธ.ค., 14% ในไตรมาส 4 และ 44% ตั้งแต่ต้นปี 2566
    นอกจากนี้ การทะยานขึ้น 44% ของดัชนีแนสแด็กตั้งแต่ต้นปี 2566 ถือเป็นการทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2546