ฝันร้ายเยือน PTT เจอ "เฉือนกำไร - ดันปันผล" ต่ำ 2 บาท
แรงขายหุ้นใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT สะเทือนตลาดหุ้นระลอกใหญ่ แรงกดดันนโยบายพลังงานของไทยที่ต้องการ “รื้อ” ครั้งใหญ่ทำให้บริษัทพลังงานแห่งชาติหนึ่งเดียวของไทยจำเป็นต้องเข้ามามีส่วนร่วมเฉือนกำไรลงเพื่อเข้าอุ้มค่าครองชีพส่วนหนึ่งให้กับประชาชน
หลังมีการประกาศกร้าวจากเจ้ากระทรวงพลังงาน ต้องการดึงราคาพลังงาน “น้ำมัน - ก๊าซ” ให้ราคาถูกลง ซึ่งถ้าสามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ลงได้ ค่าครองชีพก็จะลดลงตามนี่คือ ภารกิจของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การทำธุรกิจ !!!
ดังนั้นนโยบายลดค่าครองชีพออกมาเป็นซีรีส์ต่อเนื่องจนรอบล่าสุด 10 ม.ค.67 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะค่า Ft งวดเดือน ม.ค. - เม.ย.2567 ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วยทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
โดยค่าไฟฟ้างวดดังกล่าวยังช่วยกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย มีงบกลางช่วยอุดหนุน 1,950 ล้านบาท แต่ในส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยจ่าย 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ PTT เข้ามาช่วยอุดหนุน
ด้าน กฟผ. ยอมรับภาระขาดทุนเพิ่มเติมจากเงินคงค้างสะสม 15,963 ล้านบาท ส่วนของ PTT กลับเป็นอีกด้าน มีทั้งปรับราคา Spot LNG จาก 16.9 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียูเป็น 14.3 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ทำให้ราคา Pool Gas ลดลงจากเดิม 387 บาทต่อล้านบีทียู เหลือ 365 บาทต่อล้านบีทียู ลดค่าเอฟทีลงได้ 9.98 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.34 บาทต่อหน่วย
ปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้า และออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นราคา Pool Gas ทำให้ราคา ลดลงจาก 365 บาทต่อล้านบีทียูเหลือ 343 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 10.01 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.23 บาท/หน่วย
และเรียกเก็บ Shortfall กรณีที่ผู้ผลิตก๊าซในอ่าวไทยไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในช่วงปี 2563-2565 จาก PTT จำนวน 4,300 ล้านบาท โดยให้นำมาลดค่าก๊าซในรอบเอฟทีงวด ม.ค.- เม.ย.2567 ทำให้ราคา Pool Gas ลดลงจาก 343 บาทต่อล้านบีทียูเหลือ 333 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 4.47 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.18 บาทต่อหน่วย
ตัวเลขดังกล่าวกระทบกำไร PTT อย่างจังการปรับ Pool Gas ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจโรงแยกก๊าซปรับสูงขึ้นยกเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในประเทศตามการประมาณการ ม.ค. - เม.ย.2567 ทำให้ผลการดำเนินงานรวมธุรกิจก๊าซ PTT ลดลง 6,500 ล้านบาท ผลกระทบจำนวนสูงทำให้ PTT ต้องปรับแผนเดินเครื่องโรงแยกก๊าซเพื่อลดผลกระทบรวมทั้งข้อหารือแนวทางอื่นกับกระทรวงพลังงาน
ส่วนการเรียกเก็บ Shortfall เดือนต.ค.2563 - ธ.ค.2565 เกี่ยวพันกับการคำนวณราคา Pool Gas ที่ระบุ PTT คำนวณไม่ถูกต้อง และมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ PTT จึงต้องพิจารณาแนวทางหรือใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็น ดังนั้นตัวเลขที่มีผลทันที 6,500 ล้านบาท และยังไม่ชัดเจนอีก 4,300 ล้านบาท รวม 10,800 ล้านบาท ที่ PTT ต้องรับไป
เฉพาะตัวเลข 6,300 ล้านบาท หากกินระยะเวลานานมีผลต่องบการเงินปี 2567 คือ 25,200 ล้านบาท แน่นอนว่าเป็นข่าวเชิงลบต่อราคาหุ้นทันที ตามคาดการณ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นลบอย่างมากต่อ PTT โดยผลกระทบรวมทั้งสองเรื่องสำคัญดังกล่าวสำหรับปีนี้จะอยู่ที่ราว 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรทั้งปี
โดยหากยังมีแนวทาง Pool Gas ต่อเนื่องก็จะกระทบกำไรในปีถัดไปด้วย และที่สำคัญคาดว่าจะทำให้ PTT ไม่สามารถรักษาระดับเงินปันผลที่ 2 บาท/หุ้นไว้ได้ หากประเมินว่า PTT ลดการจ่ายเงินปันผลเป็น 1.7-1.8 บาท/หุ้นราคาหุ้น PTT อาจลดลงได้ถึง 30-31 บาทเพื่อให้อัตราเงินปันผลกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในระยะสั้น “ควรหลีกเลี่ยง” หุ้น PTT ไปก่อน จนกว่าราคาหุ้นจะลดลงมาในระดับราคาดังกล่าว จึงจะน่า “ซื้อ” อีกครั้ง
ด้านบล.เคจีไอ ได้ปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” ที่เป้าหมายราคาพื้นฐาน 36 บาทประเมินผลจากมาตรการภาครัฐฯ ที่ต้องการลดราคาค่าไฟ อาทิ การพยายามปรับโครงสร้างราคาก๊าซ การจ่ายค่า Shortfall(จากกรณีแหล่งเอราวัณ) จะกระทบต่อประมาณการ จึงลดประมาณการลง 17% ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 36 บาท จากเดิม 40 บาทตามไปด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์